ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) หรือ “SPCG” พร้อมคณะผู้บริหารของบริษัท ให้การต้อนรับคุณจิรภัทร อาจละกะ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานวิศวกรรม, คุณสิตมน รัตนาวะดี คณะผู้บริหารและพนักงาน จาก บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในโอกาสให้เกียรติเข้าเยี่ยมชมการดำเนินงานของบริษัทฯ ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทฯ

ดร.วันดี กล่าวว่า บริษัทฯ เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ โดยมีปัจจัยสนับสนุนหลักจากธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์ฟาร์ม ทั้ง 36 โครงการ รวมกำลังการผลิตกว่า 260 เมกะวัตต์ เริ่มดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ครั้งแรกในปี 2553 ที่โครงการโซลาร์ฟาร์ม (โคราช 1) และดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ครบทั้ง 36 โครงการ เมื่อปี 2557 ซึ่งสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ 384.9 ล้านหน่วย ด้วยการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ในปี 2562 โครงการโซลาร์ฟาร์มทั้ง 36 แห่ง สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าได้ถึง 397.4 ล้านหน่วย ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2557 ที่ผ่านมา ด้วยคุณภาพของแผงเซลล์แสงอาทิตย์และส่วนประกอบที่สำคัญของระบบ ทำให้ทุกโครงการสามารถผลิตไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ว่าเวลาจะผ่านไปแล้วกว่า 5 ปี และธุรกิจติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) สำหรับบ้านที่อยู่อาศัย อาคารพาณิชย์ และโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งดำเนินงานภายใต้บริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด (SPR) (บริษัทในเครือ บมจ.เอสพีซีจี) และธุรกิจอื่นๆ โดยในปี 2563 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ทั้งปีไม่ต่ำกว่า 5,500 ล้านบาท  

บริษัทฯ ยังคงมองหาโครงการใหม่ๆ เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายฐานธุรกิจ โดยได้ตั้งเป้าหมายในอีก 5 ปีข้างหน้า  (ปี 2568) จะมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นไม่ต่ำกว่า 1,000 เมกะวัตต์ และภายในปี 2580 ไม่ต่ำกว่า 3,000 เมกะวัตต์ ซึ่งจะยังคงมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจโซลาร์ฟาร์มเป็นหลัก ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่น

การเยี่ยมชมครั้งนี้ ทางคณะผู้บริหารของ SPCG ประกอบด้วย นายสมศักดิ์ กุญชรยาคง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายปฏิบัติการ และ ดร.อลิษา กุญชรยาคง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด (บริษัทในเครือ บมจ.เอสพีซีจี) ร่วมนำคณะฯ เข้าเยี่ยมชมห้องประมวลผล และควบคุมโครงการโซลาร์ฟาร์มแบบ Real-time ด้วยระบบ SCADA (Monitoring Room) ซึ่งแสดงให้เห็นการติดตามและควบคุมการทำงานของโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มทั้ง 36 แห่ง และระบบติดตามการทำงานของระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Roof) สำหรับลูกค้า ซึ่งสามารถแสดงผลต่างๆ ทั้งค่าพลังงานและจำนวนหน่วยไฟฟ้าที่ผลิตได้ สภาพภูมิอากาศ และประมาณการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งในกรณีเกิดความผิดปกติขึ้นกับระบบ Solar Roof บริษัทฯ ยังสามารถช่วยแก้ไขปัญหาให้ลูกค้าได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งสามารถใช้ประกอบการวางแผนการใช้พลังงานได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย