ทั้งนี้ ภายหลังกฎหมายการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างบังคับใช้ โดยมีกำหนดจะสิ้นสุดการชำระภายในวันที่ 31 ส.ค.นี้ ซึ่งล่าช้าจะถูปปรับ ซึ่งได้สร้างความกังวลแก่ประชาชนที่เพิ่งรับความข่าวสาร โดยเฉพาะในส่วนขององค์การปกครองท้องถิ่น (อปท.) จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกิดขึ้นนั้น ล่าสุด นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ได้ออกมาชี้แจง ดดยมีรายละเอียด ดังนี้
กระผม นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) ขอส่งคำตอบชี้แจงประเด็นทันสถานการณ์ประจำวันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม 2563 กรณีข้อวิจารณ์ปัญหาการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง “สื่อนำเสนอปัญหาการจ่ายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งประชาชนมีความกังวลใจกรณีที่กระทรวงการคลังระบุว่าหากประชาชนไม่ได้จ่ายภาษีที่ดินภายใน ส.ค. 63 จะมีค่าปรับ 10-40 % แต่ประชาชนจำนวนมากยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งภาษีที่ดินฯ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อสอบถามเจ้าหน้าที่ระบุว่าออกหนังสือให้ไม่ทัน และไม่ได้รับความชัดเจนว่าจะมีการผ่อนผันให้อย่างไรหรือไม่ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันมาก” ดังนี้
1. หาก อปท. ยังไม่มีหนังสือแจ้งประเมินไปยังผู้เสียภาษี ถือว่าผู้เสียภาษีไม่มีภาระต้องไปเสียภาษีตามกฎหมาย ซึ่งอาจมีหลายสาเหตุ เช่น
1.1 ประชาชนได้รับยกเว้นภาษีกรณีเป็นเจ้าของบ้านและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน จะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี หากมูลค่าฐานภาษีกรณี ใช้ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเป็นที่อยู่อาศัยไม่เกิน 50 ล้านบาท หรือ 10 ล้านบาท แล้วแต่กรณี หรือเป็นบุคคลธรรมดาใช้ที่ดิน และสิ่งปลูกสร้างในการประกอบการเกษตรจะได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีในปี 2563 – 2565
1.2 หนังสือแจ้งประเมินภาษีส่งไปแล้วไม่มีผู้รับ จดหมายจึงถูกตีกลับ
1.3 ไม่อยู่ในฐานข้อมูลการสำรวจผู้อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีของ อปท. (ตกสำรวจ)
2. อปท. ไม่สามารถแจ้งประเมินภาษีย้อนหลังได้ ดังนั้น แม้ว่าจะมีหน้าที่เสียภาษี แต่หากเกิดกรณี อปท. ไม่แจ้งประเมินภาษีภายในปี 2563 ผู้เสียภาษีก็ไม่มีภาระต้องไปเสียภาษีตามกฎหมายเช่นเดียวกัน
3. ผู้บริหารท้องถิ่นสามารถขยายเวลาการชำระภาษีของประชาชนให้เกินกว่าเดือนสิงหาคม 2563 ได้ แต่ต้องดำเนินการก่อนวันที่ 31 สิงหาคม 2563 ซึ่งเป็นวันครบกำหนดที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยได้เห็นชอบให้ขยายเวลาดำเนินการตามกฎหมายออกไปเป็นการทั่วไป เฉพาะการจัดเก็บภาษีในปี 2563 ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ใน 2 กรณี ดังนี้
3.1 กรณีผู้บริหารท้องถิ่นเห็นเป็นการสมควร เพื่ออำนวยประโยชน์แก่ผู้เสียภาษี สามารถอนุมัติขยายเวลา
การชำระภาษีออกไปเป็นการทั่วไปเฉพาะในเขต อปท. ได้ โดยประกาศเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบเป็นการทั่วไป ซึ่งผู้เสียภาษีไม่ต้องเสียเบี้ยปรับร้อยละ 10-40รวมถึงเงินเพิ่มร้อยละ 0.5-1 ตามกฎหมาย เช่น ปัจจุบันเมืองพัทยาได้มีการขยายเวลาการชำระภาษีของผู้เสียภาษีออกไปจนถึงเดือนตุลาคม 2563 กรณีเช่นนี้ ผู้เสียไม่ต้องเสียเบี้ยปรับและเงินเพิ่มตามกฎหมายแต่อย่างใด
3.2 กรณีผู้เสียภาษีมีเหตุจำเป็นไม่สามารถชำระภาษีได้ภายในเดือนสิงหาคม 2563 หรือภายในระยะเวลาที่ผู้บริหารท้องถิ่นได้อนุมัติขยายออกไปตามข้อ 3.1 ผู้เสียภาษีสามารถยื่นเรื่องขอให้ผู้บริหารท้องถิ่นขยายเวลาการชำระภาษีออกไปเป็นรายกรณีได้ โดยประชาชนไม่ต้องเสียเบี้ยปรับ แต่ต้องเสียเงินเพิ่มร้อยละ 0.5 ต่อเดือน
4. กรณีผู้เสียภาษีได้รับหนังสือแจ้งประเมินภาษีจาก อปท. ล่าช้า เช่น ได้รับแจ้งเกินกว่าเดือนสิงหาคม 2563 ผู้เสียภาษีสามารถใช้สิทธิคัดค้านการประเมินต่อผู้บริหารท้องถิ่นได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน
5. กรณีค่าภาษีตั้งแต่ 3,000 บาท ผู้เสียภาษีสามารถขอผ่อนชำระภาษีได้ 3 เดือน นับแต่เดือนที่ต้องชำระภาษี โดยเสียภาษีในจำนวนเท่ากันทุกเดือน
6. ประชาชนสามารถชำระภาษีได้หลายช่องทาง ดังนี้
6.1 ชำระตรง ณ ที่ทำการ อปท.
6.2 ชำระผ่านไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ เช่น ธนาณัติ ตั๋วแลกเงิน เช็ค
6.3 ชำระผ่านธนาคาร เช่น โอนเงินผ่านเลขที่บัญชีของ อปท., ชำระผ่านระบบ QR Payment (ATM, Internet Banking, Mobile Banking, ชำระตรงผ่านธนาคาร)
6.4 ชำระผ่านระบบอื่นตามที่มีการทำบันทึกข้อตกลงไว้
เนื่องจากปี 2563 เป็นปีเริ่มแรกของการบังคับใช้พระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 ประกอบกับเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จึงทำให้เกิดปัญหาอุปสรรคในการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ทั้งในส่วนของ อปท. ที่อาจดำเนินการล่าช้าหรือไม่ถูกต้อง รวมถึงประชาชนผู้เสียภาษีที่มีรายได้ลดลงจากการหยุดกิจการ ซึ่งรัฐบาลได้ตรา พรฎ. ลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในอัตราร้อยละ 90 ให้กับทุกกลุ่มที่เสียภาษีในปี 2563 ไปแล้ว ทั้งนี้ รายได้จากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างถือเป็นรายได้หลักที่สำคัญของ อปท. ซึ่งจะนำไปใช้จ่ายในการพัฒนาและจัดทำบริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่น ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายทั้งในส่วนของ อปท. ที่จะต้องดำเนินการด้วยความเป็นธรรมต่อประชาชน และประชาชนผู้เสียภาษี
ดังนั้น จึงขอให้ผู้เสียภาษีติดตามข้อมูลข่าวสารเรื่องการขยายเวลาการชำระภาษีดังกล่าวจาก อปท. ซึ่งตนถือครองทรัพย์สินอยู่ โดยในกรุงเทพมหานครสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองรายได้ กรุงเทพมหานคร หรือฝ่ายจัดเก็บรายได้ของสำนักงานเขตทุกเขต ส่วน อปท. อื่น สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่กองคลังของแต่ละ อปท.