ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย พบผู้ป่วยรายใหม่ 5 ราย ในสถานที่กักตัวของรัฐ มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,466 ราย ยอดสะสมของผู้ที่รักษาหายแล้วอยู่ที่ 3,312 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 58 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 96 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่มาจาก อุซเบกิสถาน 1 ราย เป็นนักฟุตบอลชาย สัญชาติอุซเบกิสถาน อายุ 29 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 13 ส.ค. เข้าพัก Alternative State Quarantine (ASQ) ในกทม. ครบ 14 วัน ตรวจเชื้อไม่มีอาการ ต่อมาตรวจหาเชื้อก่อนเริ่มฤดูกาลแข่งขันในวันที่ 8 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ไม่มีอาการ
จากญี่ปุ่น 1 ราย เป็นนักเรียนชาย สัญชาติญี่ปุ่น อายุ 9 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 4 ก.ย. เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 1 ราย ซึ่งเป็นบิดาของผู้ป่วย เข้าพัก Alternative State Quarantine (ASQ) ในกทม. และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ มาจากอินเดีย 2 ราย ทั้งหมดเป็นนักเรียนชายไทย อายุ 24 และ 34 ปี เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 6 ก.ย. เที่ยวบินเดียวกับผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 5 ราย โดยคนไทยเข้าพัก State Quarantine ในจ.ชลบุรี และตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ในวันที่ 9 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ ทั้งหมดไม่มีอาการ
และมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย เป็นหญิงไทย อายุ 31 ปี อาชีพลูกเรือ เดินทางมาถึงไทยเมื่อวันที่ 9 ก.ย. โดยผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรค พบว่ามีอาการเจ็บคอ จึงตรวจหาเชื้อครั้งที่ 1 ในวันที่ 9 ก.ย. ผลตรวจพบเชื้อ
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก ยอดผู้ติดเชื้อรวม 28,649,519 ราย อาการรุนแรง 60,889 ราย รักษาหายแล้ว 20,574,287 ราย เสียชีวิต 919,577 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด 1.สหรัฐอเมริกา จำนวน 6,636,247 ราย 2. อินเดีย จำนวน 4,657,379 ราย 3. บราซิล จำนวน 4,283,978 ราย 4. รัสเซีย จำนวน 1,051,874 ราย 5. เปรู จำนวน 710,067 ราย ส่วนประเทศไทย อยู่ในอันดับที่ 125 จำนวน 3,466 ราย ขณะเที่ยวบินนำคนไทยที่ตกค้างกลับประเทศ วันที่ 12 ก.ย. จำนวน 290 คน มาจากศรีลังกา-มัลดีฟส์ และเยอรมนี ส่วนวันที่ 13 ก.ย. จำนวน 202 คน มาจาก ปากีสถาน กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์