นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะดูแลผู้มีรายได้น้อย ยิ่งในเฉพาะช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เข้าใจดีว่ามีความเดือดเพิ่มมากขึ้น ที่ผ่านมา ครม.ได้เห็นชอบในหลักการมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นระยะเวลา 12 เดือน ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายนนี้ เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายให้กับผู้มีรายได้น้อยอย่างต่อเนื่อง
ครม. จึงมีมติอนุมัติขยายระยะเวลามาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา ออกไป 1 ปี เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 – เดือนกันยายน 2564 โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประมาณ 13.9 ล้านคน คิดเป็นครัวเรือนประมาณ 8 ล้านครัวเรือน ซึ่ง 1 ครัวเรือน สามารถใช้ได้เพียง 1 สิทธิ์เท่านั้น
สำหรับมาตรการบรรเทาภาระค่าไฟฟ้าและค่าน้ำประปา รายละเอียดเป็นไปตามมติเดิมที่ ครม.เคยอนุมัติไปแล้ว ซึ่งประกอบด้วย ค่าไฟฟ้า กรณีใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วยต่อเดือนติดต่อกันเป็นระยะเวลา 3 เดือน ให้ใช้สิทธิค่าไฟฟ้าฟรีตามมาตรการปัจจุบัน แต่กรณีที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 50 หน่วยต่อเดือน ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐใช้สิทธิตามมาตรการนี้ ในวงเงิน 230 บาทต่อครัวเรือนต่อเดือน หากใช้เกินวงเงินที่กำหนด ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะต้องเป็นผู้จ่ายค่าไฟฟ้าทั้งหมด ค่าน้ำประปา ให้ใช้น้ำประปาในวงเงิน 100 บาท ต่อ ครัวเรือนต่อเดือน หากใช้เกินวงเงินผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะต้องเป็นผู้จ่ายค่าน้ำประปาทั้งหมด