รมช.แรงงาน เผย ผู้หญิงมีบทบาทสำคัญเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศ ขับเคลื่อนทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญในแง่ของการกำหนดนโยบายบทบาทของสตรีเพื่อสร้างความเท่าเทียมกันทางสังคม รวมถึงการกำหนดรูปแบบการพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำของสตรีในสังคมเพื่อให้มีบทบาทในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองมากขึ้น อีกทั้ง พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ยังให้ความสำคัญกับแรงงานสตรี ด้านการปกป้อง ช่วยเหลือ สร้างความมั่นคงและรายได้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานสตรี รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถและการพัฒนาทักษะแรงงานอย่างต่อเนื่อง จึงมอบหมายให้กระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดำเนินการพัฒนาทักษะแรงงาน โดยเฉพาะกลุ่มสตรี ให้มีความรู้ความสามารถและมีทักษะที่สูงขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงาน มีรายได้เพิ่มมากขึ้น ตามแนวคิด “สร้าง ยก ให้ รวมไทยสร้างชาติ”
ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวต่อว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากระทรวงแรงงานมีบทบาทสำคัญในการปกป้อง ช่วยเหลือ สร้างความมั่นคงและรายได้ ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงานสตรีเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง เป็นการ “ให้” คือให้โอกาสสตรีมีความก้าวหน้าและได้รับการพัฒนาในหลายด้าน โดยผ่านการบังคับใช้กฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง อีกส่วนหนึ่งที่ดำเนินการคือ การเพิ่มขีดความสามารถของสตรี ด้วยการพัฒนาทักษะฝีมือแรงงานให้แก่แรงงานสตรี ได้รับการฝึกอบรม โดยเน้นอาชีพที่มีการจ้างงานผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ เช่น พัฒนาทักษะด้านการท่องเที่ยวและการบริการ อาทิ โรงแรม นวด สปา และร้านอาหาร จัดอบรมให้ความรู้แก่ลูกจ้างในสถานประกอบกิจการที่เป็นสตรี ให้มีความรู้ด้านการวิเคราะห์ เพิ่มทักษะ STEM (วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์) ความรู้ด้านเทคโนโลยีสมัยใหม่ ร่วมกับองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เพื่อรณรงค์สนับสนุนและเพิ่มขีดความสามารถให้ผู้หญิง สามารถสร้างครอบครัวที่เข้มแข็งขับ เพื่อเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวหน้าและสร้างสรรค์ รวมทั้งพัฒนาสังคมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น
“โดยในวันนี้ ทีมงานจาก UN Women ได้มาหารือและชี้แจงรายละเอียดการจัดงานวันที่ 30 กันยายน 2563 ที่ได้กำหนดจัดพิธีลงนามขึ้น ระหว่าง UN Women กับผู้นำทางธุรกิจของไทย ซึ่งกระทรวงแรงงานจะช่วยสนับสนุนและผลักดันการเพิ่มขีดความสามารถของสตรี ให้ได้รับการดูแลช่วยเหลืออย่างเต็มที ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องสามารถร่วมมือกัน เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของสตรีและส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อไป ” รมช.กล่าวทิ้งท้าย