กระทรวงเกษตรสร้างโอกาสใหม่ให้เกษตรกรไทยวาง 4 แนวทางเดินหน้าโครงการพืชแห่งอนาคต ตอบโจทย์อุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ยุคโควิด เร่งวางโรดแม็ปดันไทยเป็น “เจฮับ” โมเดลซิลิคอนวัลเลย์ผลิตอาหารแห่งอนาคตเจาะตลาด 4 พันล้านคน มูลค่า 5 แสนล้านบาท จับมือภาคเอกชนลุยโปรตีนทางเลือกจากพืช ชี้แนวโน้มตลาดส่งออกเนื้อจากพืช ในจีน อาเซียน ญี่ปุ่น สหรัฐและยุโรปเติบโตอย่างรวดเร็ว
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายเทคโนโลยีเกษตร 4.0 กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ตามที่รัฐบาลกำหนดอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ (First S-Curve New S-Curve) เพื่อสร้างโอกาสและศักยภาพใหม่ให้กับประเทศ โดยหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่คืออาหารแห่งอนาคตซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) รับผิดชอบโครงการพืชแห่งอนาคต (Future Crop) เพื่อตอบสนองการผลิตอาหารแห่งอนาคต (Future Food) ที่มีแนวโน้มความต้องการของตลาดเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่นกรณีของโปรตีนจากแมลง ซึ่ง ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ประกาศเป้าหมายให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารจากแมลงของโลก
นอกจากนั้น ยังมีอาหารแห่งอนาคตที่กำลังมาแรงคืออาหารที่ใช้โปรตีนจากพืชผลิตเป็นอาหารที่เรียกว่า เนื้อจากพืช (Plant Based Meat) หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อของ “อาหารเจ” ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพที่จะเป็นฮับของการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จะเป็นสินค้าเกษตรอาหารตัวใหม่ในการสร้างรายได้สร้างอาชีพและธุรกิจการเกษตรใหม่ๆ ให้กับภาคเกษตรและกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารในยุคโควิดที่ผู้บริโภคทั่วโลกโดยเฉพาะในจีน อินเดีย ญี่ปุ่น อาเซียน สหรัฐและยุโรป ซึ่งมีประชากรกว่า 4 พันล้านคน ต้องการอาหารเพื่อสุขภาพเพิ่มขึ้นนับเป็น New Normal ในยุคโควิดเป็นเทรนด์การรับประทานอาหารแนวใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก
อีกทั้งข้อมูลขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ FAO (Food and Agriculture Organization) คาดการณ์ว่า จำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้ความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ของโลกเพิ่มขึ้น 30% ภายใน 15 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพ และสังคม หากการผลิตอาหารยังคงดำเนินไปในรูปแบบเดิม การสนับสนุนการบริโภคโปรตีนจากพืชจึงเป็นหนึ่งในแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด
สอดคล้องกับยอดขายอาหารสำเร็จรูปของเนื้อจากพืชในสหรัฐขยายตัวต่อเนื่อง ระหว่างปี 2013-2018 มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยถึงปีละ 15.4% เทียบกับเนื้อแปรรูป (Processed Meat) ที่เติบโตเพียงปีละ 1.2% สอดคล้องกับข้อมูลของ NPD Group ผู้ประกอบการในสหรัฐอเมริกาที่ขายเบอร์เกอร์และแซนวิชเนื้อที่ทำจากพืช ก็พบว่ายอดขายระหว่างเมษายน 2018 – มีนาคม 2019 เพิ่มขึ้นถึง 7.8% ซึ่งมากสุดเป็นประวัติการณ์ เช่นเดียวกับบริษัท Beyond Meat หนึ่งในโรงงานผลิตเนื้อจากพืชรายใหญ่สุดของโลกก็รายงานยอดขายไตรมาส 2 ของปี 2019 เติบโตถึง 287%
อาจกล่าวได้ว่าปี 2019 เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของผลิตภัณฑ์เนื้อที่ทำจากพืช สะท้อนจากธุรกิจอาหารที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วเริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2019 ร้านเบอร์เกอร์ชื่อดังในสหรัฐอเมริกา เช่น Carl’s Jr.ประกาศขายเบอร์เกอร์ที่ผลิตด้วยเนื้อที่ทำจากพืช ตามด้วยในเดือนเมษายน 2019 Burger King ก็ประกาศขายเบอร์เกอร์ที่ทำจากพืชเช่นกัน โดยเริ่มแรก ทดลองเพียง 59 สาขา กระทั่งวันที่ 2 พฤษภาคม 2019 Burger King ประกาศแผนวางขายเบอร์เกอร์เนื้อที่ทำจากพืชในทุกสาขาภายในสิ้นปี 2019 ที่ผ่านมา
ส่วนตลาดอาหารเจในจีนที่ใช้เนื้อจากพืชกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดดมีมูลค่าถึง 3 แสนล้านบาทในปีที่ผ่านมา และถ้ารวมมูลค่าตลาดในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกจะมีมูลค่าเกือบ 5 แสนล้านบาท ไม่ว่าค่ายอาลีบาบา ของจีนหรือสตาร์บัค เคเอฟซีและเนสเลของประเทศตะวันตกต่างขยายการผลิตและการตลาดอาหาร ตั้งแต่ติ่มซำ ซาลาเปา เฝอ ก๊วยเตี๋ยว ซูชิแกงกะหรี่ จนถึงไส้กรอก ไก่ย่างและแฮมเบอร์เกอร์ที่ผลิตจากโปรตีนพืช เช่นถั่วเหลือง ถั่วลันเตา มะเขือยาว เห็ด สาหร่าย พืชสมุนไพร พืชสวนครัว น้ำมันปาล์ม มันสำปะหลัง ข้าวโพด ข้าวเป็นต้น
สำหรับประเทศไทยมีบริษัทชื่อ “Let’s Plant Meat” เป็นผู้ผลิตเนื้อจากพืชรายแรกในประเทศไทยและได้รับรางวัลระดับทวีปเอเซียประเภทอาหารแห่งอนาคตจากโปรตีนพืชประจำปี 2563 โดยมีการวางจำหน่ายแฮมเบอร์เกอร์ใช้เนื้อจากพืชในซูเปอร์มาร์เก็ตเช่นเทสโก้โลตัส แม็กแวลูและกูเมท์มาร์เก็ต โดยมีราคาถูกกว่าของอเมริกายี่ห้อ Beyond Burger ยักษ์ใหญ่ของโลกกว่าครึ่งหนึ่งสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันด้านคุณภาพและราคาและยังมีบริษัท Meat Avatar เป็นบริษัทสตาร์ทอัพของไทยรวมทั้งยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ก็ออกผลิตภัณฑ์เฟรกซิทาเรี่ยน(Flexitarians) ออกสู่ตลาด
ยิ่งกว่านั้น บริษัท เอ็นอาร์เอฟ (NRF) ผู้ผลิตเนื้อจากพืชรายใหญ่ที่สุดของไทยได้ขยายโรงงานผลิตเนื้อจากพืชทั้งในประเทศและในต่างประเทศ และกำลังจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ซึ่งแสดงว่าอาหารแห่งอนาคตจะมาพลิกโฉมตลาดอาหารของโลกในอนาคตอันใกล้นี้ โดยเป็นอาหารที่ปราศจากยาปฏิชีวนะ 0% คลอเรสเตอรอล 0% และเป็นการเพิ่มปริมาณอาหารให้กับโลกซึ่งเท่ากับว่าเกษตรกรของไทยคือฮีโร่ช่วยชาวโลกในภาวะที่โลกกำลังเผชิญกับปัญหาการขาดแคลนอาหารจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กระทบห่วงโซ่การผลิตอาหารของโลก 4 แนวทาง ได้แก่ เทคโนโลยีเกษตร นวัตกรรมอาหาร ระบบทรัพย์สินทางปัญญาและนโยบายเกษตรปลอดภัยอาหารปลอดภัยเป็นหัวใจหลักในการวิจัยและพัฒนากระบวนการผลิต การพัฒนาเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร การแปรรูปการตลาด การสร้างธุรกิจและอุตสาหกรรม “เนื้อจากพืช” หรืออาหารเจป้อนตลาดในประเทศและส่งออกไปทั่วโลก
ทั้งนี้ คณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกลุ่มคลัสเตอร์เกษตรอาหาร (กรกอ.) สศก. สวก.และศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรมหรือศูนย์ AIC (Agritech and Innovation Center) สถาบันอาหาร กระทรวงอุตสาหกรรม หอการค้าไทยและกระทรวงพาณิชย์ จะร่วมกับกลุ่มบริษัทไทยผู้ผลิตอาหารเจภายใต้โมเดลเนื้อจากพืช (Plant Based Meat) จัดทำโรดแมปตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำเพื่อผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารแห่งอนาคต หรือเรียกว่า ซิลิคอน วัลเลย์อาหารแห่งอนาคต (Silicon Valley of Future Food)
“ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มองทุกโอกาสในวิกฤติโควิดและอาหารจากโปรตีนพืชและแมลงที่มีตลาด 4 พันล้านคนรออยู่ คืออีกโอกาสใหม่ๆ ของเกษตรกรไทยในฐานะประเทศไทยเป็นครัวโลก” นายอลงกรณ์ กล่าวในที่สุด