“พ.อ.สรรพชัย” แย้มรายได้ กสท 8 เดือน แตะ 27,105 ล้านบาท กำไรสุทธิพุ่ง 3,876 ล้านบาท หลังยุติข้อพิพาทกับทรู ชี้บอร์ดเคาะต่ออายุนั่งเก้าอี้ต่อจนกว่าจะควบรวมกิจการเสร็จ แต่ไม่เกิน 31 ส.ค.2564
พ.อ.สรรพชัย หุวะนันทน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วง 8 เดือนแรกปี 2563 (ม.ค.-ส.ค.) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 27,105 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 23,229 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 3,876 ล้านบาท เนื่องจากมีกำไรพิเศษจากการยุติข้อพิพาทกับ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยก่อนหน้านี้ ทรูเองได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 21 ส.ค.2563 ที่ผ่านมาว่า บริษัท และบริษัทในกลุ่มเข้าทำสัญญาระงับข้อพิพาทกับ กสท โทรคมนาคม เพื่อระงับข้อพิพาทที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง
นอกจากนี้ จากผลงานและภารกิจการควบรวมกิจการระหว่าง กสท โทรคมนาคม และ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) หรือ เอ็นที ยังไม่แล้วเสร็จหลังจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ขยายระยะเวลาควบรวมกิจการให้สามารถจดทะเบียนบริษัทได้ภายในวันที่ 14 ม.ค.2564 นั้น ทำให้คณะกรรมการบริษัท กสท โทรคมนาคม มีมติอนุมัติต่ออายุการทำงานของตนเองออกไปอีก ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.2563 จนกว่าจะควบรวมกิจการเสร็จ แต่ไม่เกิน 31 ส.ค.2564 จากเดิมที่ต้องหมดวาระในเดือน ก.ย.2563
สำหรับการระงับข้อพิพาทที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลปกครอง ประกอบด้วย 1.กรณีที่ กสท โทรคมนาคม เรียกร้องให้ บริษัท ทรู มูฟ จำกัด ชำระค่าธรรมเนียมเลขหมายโทรคมนาคม เป็นจำนวนเงินประมาณ 113.58 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมเลขหมายโทรคมนาคมพิเศษสี่หลักเลขหมาย 1331 เป็นจำนวนเงินประมาณ 3.96 ล้านบาท
2.กรณีที่ กสท โทรคมนาคม เรียกร้องให้ ทรูมูฟ นำหนังสือค้ำประกันผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำมาวางค้ำประกันการดำเนินงานสำหรับปีที่ 14 ถึงปีที่ 17 รวมเป็นวงเงิน 2,785 ล้านบาท ซึ่ง ทรูมูฟ ได้เรียกร้องแย้งให้ กสท โทรคมนาคม คืนหนังสือค้ำประกันผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำของปีดำเนินการที่ 11 ถึงปีที่ 13 และเรียกร้องค่าเสียหายจาก กสท โทรคมนาคม เป็นจำนวนเงินประมาณ 56.19 ล้านบาท
3.กรณีที่ กสท โทรคมนาคม เรียกร้องให้ ทรูมูฟ ชำระค่าผลประโยชน์ตอบแทนให้ครบถ้วน จากการหักค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) จากรายได้ก่อนคำนวณผลประโยชน์ตอบแทนให้ กสท โทรคมนาคม ในปีดำเนินการที่ 10 ถึงปีที่ 17 เป็นจำนวนเงิน ประมาณ 18,555.95 ล้านบาท
4.กรณีที่ ทรูมูฟ ขอคืนค่าเช่าที่ได้ชำระให้แก่ กสท โทรคมนาคม ไปโดยสำคัญผิดว่าที่ดินบริเวณที่ทำการไปรษณีย์จังหวัดพะเยา ที่ใช้ติดตั้งเสาโทรคมนาคม เป็นของ กสท โทรคมนาคม เป็นจำนวนเงินประมาณ 170,788.88 บาท
5.กรณีที่ กสท โทรคมนาคม เรียกร้องให้ บริษัท ฮัทชิสัน ซีเอที ไวร์เลส มัลติมีเดีย จำกัด (ฮัทชิสัน ซีเอที) ชำระค่าบริการที่ กสท โทรคมนาคม ไม่สามารถเรียกเก็บค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ค่าธรรมเนียมเลขหมายโทรคมนาคม เงินประกันรายได้ขั้นต่ำเพิ่มเติม และเงินค่าภาษีสรรพสามิตที่ กสท โทรคมนาคม ได้ชำระไปพร้อมภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามสัญญาทำการตลาดบริการวิทยุคมนาคมระบบเซลลูลาร์ Digital AMPS 800 Band A เป็นจำนวนเงินประมาณ 1,445 ล้านบาท ทั้งนี้ ฮัทชิสัน ซีเอที ได้เรียกร้องแย้งเพื่อเรียกค่าเสียหายภายใต้สัญญาทำการตลาดบริการวิทยุคมนาคมระบบเซลลูลาร์ Digital AMPS 800 Band A เป็นจำนวนเงินประมาณ 2,544.72 ล้านบาท
6.กรณีที่ กสท โทรคมนาคม ได้ยื่นฟ้อง ฮัทชิสัน ซีเอที บริษัท บีเอฟเคที (ประเทศไทย) จำกัด (บีเอฟเคที) และธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง โดย กสท โทรคมนาคม เรียกค่าเสียหายที่ ฮัทชิสัน ซีเอที จะต้องรับผิด เป็นจำนวนเงินประมาณ 1,277.79 ล้านบาท และในส่วนที่ ฮัทชิสัน ซีเอที และบีเอฟเคที ต้องร่วมรับผิด เป็นจำนวนเงินประมาณ 298.40 ล้านบาท
และ 7.กรณีที่ กสท โทรคมนาคม ได้ยื่นฟ้อง ฮัทชิสัน ซีเอที ให้ชำระค่าธรรมเนียม USO ที่ กสท โทรคมนาคม ชำระให้แก่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามประกาศ กทช. เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขในการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคมเป็นจำนวนเงินประมาณ 1,013.38 ล้านบาท