รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผย กรณีที่มีการเผยแพร่ภาพพนักงานมิตซูบิชิในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ กอดคออำลาครั้งสุดท้าย เนื่องจากบริษัทเสนอโครงการสมัครใจลาออก โดยจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษเท่ากับค่าชดเชยตามกฎหมายและเงินเพิ่มพิเศษมากกว่ากฎหมายกำหนด ทำให้ลูกจ้างสนใจสมัครร่วมโครงการเกินเป้าหมาย ขณะที่บริษัท พานาโซนิค ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเวียดนามบางส่วน เนื่องจากมีค่าแรงถูก การเมืองนิ่ง และความคุ้มค่าทางธุรกิจเท่านั้น
2 ตุลาคม 2563 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยถึงกรณีที่มีการเผยแพร่ภาพพนักงานมิตซูบิชิ ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ กอดคออำลาครั้งสุดท้าย เนื่องจากบริษัทเสนอโครงการสมัครใจลาออก โดย รมว.แรงงาน กล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชลบุรี ได้ติดตามสถานการณ์ กรณีบริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ เอเชีย จำกัด จ.ชลบุรี มีการปรับลดจำนวนลูกจ้าง โดยมีโครงการให้ลูกจ้างสมัครใจลาออกและจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษเท่ากับค่าชดเชยตามกฎหมายและเงินเพิ่มพิเศษมากกว่าที่กฎหมายกำหนด มีผลเมื่อวันที่ 1 ต.ค.2563
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า ข้อเท็จจริงสรุปได้ว่า ปัจจุบันบริษัท ฯ ตั้งอยู่เลขที่ 700/86 ภายในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี หมู่ที่ 6 ต.ดอนหัวพ่อ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี เป็นสถานประกอบกิจการผลิต ประกอบ ติดตั้งลิฟท์และบันไดเลื่อน มีลูกจ้างจำนวนประมาณ 2,400 คน สาเหตุที่บริษัทฯ มีการปรับลดจำนวนลูกจ้าง เนื่องจากมีคำสั่งซื้อลดลงจากผลกระทบโควิด-19 โดยมีประกาศโครงการให้ลูกจ้างสมัครใจลาออก
โดยจ่ายเงินช่วยเหลือพิเศษเท่ากับค่าชดเชยตามกฎหมายและเงินเพิ่มพิเศษมากกว่ากฎหมายกำหนด โดยต่ำสุดที่ได้รับคนละ 16 เดือน สูงสุดได้รับคนละ 37 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.2563 มีลูกจ้างสนใจสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 970 คน เกินกว่าเป้าหมายที่บริษัทอนุมัติให้สมัครใจลาออกจำนวน 686 คน ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินค่าช่วยเหลือพิเศษและเงินเพิ่มพิเศษให้กับลูกจ้างแล้วจำนวนประมาณ 560 ล้านบาท จะเห็นได้ว่า สาเหตุที่พนักงานสมัครใจลาออกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากบริษัทจ่ายค่าชดเชยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดเป็นแรงจูงใจ
นายสุชาติ ยังกล่าวถึงกรณีมีข่าวปรากฏในสื่อต่างๆ ว่า บริษัท พานาโซนิค ย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศเวียดนามนั้น จากการตรวจสอบกรณีดังกล่าวพบว่า ปัจจุบันบริษัทพานาโซนิคได้ย้ายฐานการผลิตไปแค่เครื่องซักผ้ากับตู้เย็นเพื่อเพิ่มความคุ้มค่าทางธุรกิจเท่านั้น เนื่องจากเวียดนามมีค่าแรงถูกกว่าไทย ประกอบกับสถานการณ์ทางการเมืองที่สงบนิ่ง
แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันกลุ่มบริษัทพานาโซนิค ยังมีโรงงานอยู่ในประเทศไทยอีก 18 โรงงาน และยังมีการใช้แรงงานกว่า 10,000 คน โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก ๆ เช่น เครื่องเสียง โทรทัศน์ แผ่นพิมพ์วงจรไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ แบตเตอรี่ ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดยังคงเดินสายการผลิตที่ประเทศไทยอยู่