กฟผ. เดินหน้าส่งเสริมนวัตกรรมพลังงานรูปแบบใหม่สนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจับมือบริษัทมิตซูบิชิมอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดพัฒนาโมเดลธุรกิจแปลงพลังงานจากแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามายังระบบไฟฟ้าอาทิบ้านอาคารและการควบคุมกำลังไฟฟ้าจากยานยนต์ไฟฟ้ากับศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติพร้อมศึกษาและเตรียมขยายสถานีชาร์จไฟฟ้าให้เหมาะสมกับจำนวนผู้ใช้ทั่วประเทศ
วานนี้(5ตุลาคม 2563) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับบริษัทมิตซูบิชิมอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัดลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเรื่องการแปลงพลังงานระหว่างยานยนต์ไฟฟ้า (Plug-in hybrid electric vehicle หรือPHEV) กับระบบไฟฟ้าและการควบคุมกำลังไฟฟ้าจากศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติโดยมีดร.จิราพรศิริคำ
รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์กฟผ. และนายโมะริคาซุชกกิกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย)จำกัดเป็นผู้ลงนามพร้อมทั้งมีผู้บริหารจากทั้งสองหน่วยงานร่วมเป็นพยานณห้องประชุมชั้น 18 อาคารท.103 สำนักงานกลางกฟผ. อ.บางกรวยจ.นนทบุรี
ดร.จิราพร ศิริคำรองผู้ว่าการยุทธศาสตร์กฟผ. เปิดเผยว่าความร่วมมือในครั้งนี้เป็นอีกก้าวสำคัญของกฟผ. ที่พร้อมเดินหน้าส่งเสริมนวัตกรรมพลังงานรูปแบบใหม่สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อมโดยมุ่งมั่นสนับสนุนให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าประเภทต่างๆอาทิรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในประเทศไทยทั้งนี้กฟผ. และบริษัทมิตซูบิชิ มอเตอร์สจะร่วมกันศึกษาแนวทางทดสอบเก็บข้อมูลและพัฒนาโมเดลธุรกิจจากการแปลงพลังงานระหว่างยานยนต์ไฟฟ้ากับ
ระบบไฟฟ้าและการควบคุมกำลังไฟฟ้าจากศูนย์ควบคุมระบบกำลังไฟฟ้าแห่งชาติเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ
ยานยนต์ไฟฟ้าและเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้ารวมถึงศึกษาเส้นทางการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพื่อเตรียมขยายการสร้างและติดตั้งสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) ให้เหมาะสมกับพฤติกรรมและปริมาณของผู้ใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทยโดยความร่วมมือดังกล่าวจะอยู่ภายใต้กรอบระยะเวลา 3 ปี
รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์กฟผ. กล่าวเพิ่มเติมว่าสำหรับการแปลงพลังงานระหว่างยานยนต์ไฟฟ้ากับระบบไฟฟ้า(Vehicle to Grid : V2G) จะเป็นการศึกษาและทดสอบการจ่ายพลังงานจากแบตเตอรี่รถยนต์พีเอชอีวี ของมิตซูบิชิมายังระบบไฟฟ้าอาทิบ้านอาคารสำนักงานโดยใช้เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์เชื่อมต่อระหว่างรถยนต์ไฟฟ้ากับระบบไฟฟ้าซึ่งในอนาคตหากมีรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นการแปลงพลังงานดังกล่าวอาจจะสามารถรองรับนวัตกรรมโรงไฟฟ้าเสมือน (Virtual Power Plant : VPP) เพื่อช่วยรักษาเสถียรภาพและเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในประเทศต่อไป
“กฟผ. พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อร่วมกันขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศไทยให้เป็นสังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของสังคมและชุมชนพร้อมทั้งคำนึงถึงการบริหารจัดการทรัพยากรภายในประเทศให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วย”ดร.จิราพร ศิริคำกล่าวทิ้งท้าย