สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “ความเอื้ออาทรของคนไทยณ วันนี้” กลุ่มตัวอย่าง 1,236 คน สำรวจระหว่างวันที่ 12 - 16 ตุลาคม 2563 พบว่า สาเหตุที่ความเอื้ออาทรของคนไทยลดลง เพราะการเปลี่ยนแปลงทางสังคม 73.35% รองลงมาคือ การเอาตัวรอด 56.95% ความเอื้ออาทรที่ควรเร่งสร้างให้มีเพิ่มขึ้น คือ ความมีน้ำใจ 74.94% วิธีการปลูกฝังความเอื้ออาทรอย่างเป็นรูปธรรม คือ ปลูกฝังในครอบครัว 87.91% โดยคนที่ควรทำหน้าที่นี้ คือ ครอบครัว 89.93% รองลงมาคือ สถานศึกษา 84.86%
ความเอื้ออาทรเป็นวัฒนธรรมที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน แต่เมื่อสังคมเปลี่ยนแปลงไป ค่านิยมและวิถีประพฤติปฏิบัติก็เปลี่ยนไปด้วย คนแก่งแย่ง เอาตัวรอดกันมากขึ้น กอปรกับปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำส่งผลกระทบต่อปากท้องชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ทำให้เกิดปัญหาสังคมและปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ ตามมา ครอบครัวและสถานศึกษาจึงเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการปลูกฝังค่านิยมอันดีงามนี้ รวมถึงสถาบันการเมืองเองที่มีหน้าที่บริหารประเทศก็ย่อมมีส่วนในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและพัฒนาบ้านเมืองให้ดีขึ้น เพื่อให้คนไทยอยู่ในสถานการณ์บ้านเมืองที่ดีเอื้อต่อการมีน้ำใจอารีต่อกัน
นางศรีสุดา วงศ์วิเศษกุล คณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ความเอื้ออาทร เป็นการแสดงออกของอารมณ์และจิตใจที่สะท้อนความรู้สึกอันดีระหว่างกัน ซึ่งมิได้มีวงจำกัด แต่เพียงกับผู้เป็นที่รักหรือคนในครอบครัวเท่านั้น หากยังแสดงถึงเยื่อใยยึดเหนี่ยวระหว่างกันของคนในสังคมด้วย คนไทย ได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีนิสัยโอบอ้อมอารี มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือผู้ที่ตกทุกข์ได้ยาก โดยเฉพาะเมื่อมีวิกฤติการณ์ใดๆเกิดขึ้น คนไทยพร้อมที่จะช่วยเหลือซึ่งกันและกันตามพละกำลังของตน ความเอื้ออาทรของคนไทยจึงเป็นที่รับรู้รับทราบกันโดยทั่วไปทั้งในและต่างประเทศ ด้วยสายตาที่ปลอบประโลม รอยยิ้มที่ให้กำลังใจ น้ำเสียงที่แสดงความเข้าใจ เห็นใจและอุ้งมือที่อบอุ่น ล้วนเป็นสิ่งสะท้อนความเอื้ออาทรได้ทั้งสิ้น ผู้รับที่ทุกข์จะคลายทุกข์ผู้รับที่สุขจะสุขยิ่งๆขึ้นไป ความเอื้ออาทรจึงเป็นความรู้สึกลึกซึ้งยิ่ง ผลการสำรวจนี้ยืนยันได้เป็นอย่างดีถึงบทบาทของครอบครัวและสถานศึกษาซึ่งเป็นสังคมปฐมภูมิที่สำคัญยิ่งสำหรับการบ่มเพาะ ปลูกฝัง สร้างนิสัยของความเอื้ออาทรให้เป็นคุณลักษณะของคนไทยอย่างยั่งยืน