ศาสตราจารย์ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมหารือ ความต้องการพัฒนาทักษะฝีมือคนพิการรองรับการประกอบอาชีพ โดยมีผู้แทนคนพิการ 5 ประเภทเข้าร่วมประชุม เพื่อเสนอแนวทางการพัฒนาทักษะฝีมือคนพิการ ปัญหา อุปสรรคและความต้องการความช่วยเหลือด้านการพัฒนาทักษะเพื่อรองรับการประกอบอาชีพของคนพิการ ประกอบด้วย ผู้แทนจาก สภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย สมาคมคนหูหนวกแห่งประเทศไทย สมาคมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตแห่งประเทศไทย สมาคมผู้ปกครองคนพิการทางสติปัญญาแห่งประเทศไทย และสมาคมผู้ปกครองบุคคลออทิซึม(ไทย)
ศาสตราจารย์ นฤมล กล่าวว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญอย่างมากต่อการช่วยเหลือดูแลคนพิการ โดยมอบหมายให้กระทรวงแรงงานบูรณาการกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ทำงานร่วมกันเพื่อช่วยเหลือให้คนพิการและครอบครัว มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นไปตามแนวคิด “สร้าง ยก ให้ รวมไทยสร้างชาติ” ภายใต้ภารกิจของกระทรวงแรงงาน โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ดำเนินการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาทักษะให้กับคนพิการมาอย่างต่อเนื่อง แต่การดำเนินงานเพียงหน่วยงานเดียวนั้น ไม่สามารถช่วยเหลือผู้พิการที่มีอยู่เป็นจำนวนมากได้อย่างทั่วถึง จึงต้องบูรณาการร่วมกันกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน จึงต้องร่างคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการร่วมขึ้น โดยมีตัวแทนสมาคมคนพิการร่วมเป็นคณะอนุกรรมการร่วมดังกล่าวด้วย เพื่อเสนอรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) เป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาแรงงานและประสานงานการฝึกอาชีพแห่งชาติ (กพร.ปช) พิจารณาแต่งตั้งอีกครั้ง ที่ประชุมได้เสนอข้อมูลและประเด็นต่างๆ เช่น ภาครัฐมีความต้องการจ้างงานคนพิการประมาณ 8,000 อัตรา แต่พบว่าไม่สามารถจัดหาคนพิการที่มีสมรรถนะตรงกับความต้องการได้ จึงเสนอให้มีการวิเคราะห์ตัวเลขดังกล่าวและหาแนวทางที่จะผลักดันให้คนพิการเข้าไปทำงานในภาครัฐได้ และภาครัฐควรเป็นตัวอย่างในการจ้างงานคนพิการ เพิ่มอัตราการจ้างให้สูงขึ้นเป็น 100 คน : 2 คน ขาดฐานข้อมูลการจ้างงานคนพิการ การส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการที่ต้องจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกในการทำงานเมื่อมีการจ้างคนพิการเข้าทำงาน นายจ้างบางส่วนที่ยังไม่ดำเนินการ จึงอยากให้กระทรวงแรงงานสร้างความเข้าใจให้นายจ้างกลุ่มดังกล่าว ส่วนกลุ่มคนพิการที่ไม่เห็นเชิงประจักษ์ เช่น ออทิสติก กลุ่มนี้ต้องการการฝึกอบรมอาชีพ เช่น การฝึกอาชีพหลัง New Normal รวมถึงการมีระบบ Job coach (มีพี่เลี้ยง) / Job Club ในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเสนอให้ช่วยผลักดันให้เอกชนจ้างงานคนพิการทุกประเภท เพื่อให้คนพิการที่ไม่เห็นประจักษ์ได้มีโอกาสเข้าทำงาน โดยต้องเป็นการจ้างงานอย่างยั่งยืน ไม่ใช่การจ้างแบบปีต่อปี บูรณาการ ร่วมกันระหว่างหน่วยงานฝึกอบรมคนพิการหลายๆ หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน โดยให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงานหรือองค์การคนพิการเข้ามาร่วมกำกับดูแล จัดการฝึกอบรมให้ได้มาตรฐาน พัฒนาทักษะอาชีพคนพิการให้มีทักษะอาชีพที่หลากหลายขึ้น เช่น คนตาบอด จะต้องประกอบอาชีพได้มากกว่าการเป็นพนักงานนวด เช่น อาชีพโปรแกรมเมอร์ การขายออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ หากคนพิการได้รับการฝึกอย่างจริงจัง จะสามารถเข้าทำงานในภาคเอกชนได้มากขึ้น ยกระดับคนพิการสู่ Social Enterprise มีการจัดมหกรรมสินค้าคนพิการเพื่อพิจารณาว่าสินค้าใดควรได้รับการสนับสนุนต่อไป โดยจัดหาตลาดรองรับการจำหน่ายสินค้าเหล่านั้น ตลอดจน ให้ความรู้ความเข้าใจแก่ภาคเอกชนในการจ้างงานคนพิการ ประเด็นด้านอื่นๆ หากสามารถช่วยผลักดันและนำเสนอต่อรัฐบาลคือ ในเรื่องเบี้ยยังชีพ ให้คนพิการได้มีโอกาสเข้าถึงเบี้ยยังชีพคนพิการอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำของคนพิการ การแบ่งโควต้าฉลากกินแบ่งรัฐบาลให้กับคนพิการ เพื่อให้คนพิการได้เข้าถึงการประกอบอาชีพได้อย่างแท้จริง
“การขับเคลื่อนการดำเนินงานให้ความช่วยเหลือคนพิการ จะสำเร็จได้เกิดจากความร่วมมือของทุกๆ ฝ่าย เบื้องต้นขอให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ทำหน้าที่เป็นหลักและนำเสนอรายงานปัญหาอุปสรรคด้านการจ้างงานคนพิการในภาครัฐ เช่น เรื่องกรอบอัตรา งบประมาณ ให้นายกรัฐมนตรีรับทราบต่อไป” รมช.แรงงาน กล่าว