ในระหว่างวันที่2-3พฤศจิกายน2563 ทางครม.จะไปประชุมสัญจรที่จ.ภูเก็ตซึ่งขณะนี้หลายฝ่ายเร่งจัดเตรียมสถานที่เพื่อต้อนรับการมาตรวจราชการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่มีกำหนดการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรในวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ จ.ภูเก็ต และเดินทางมาตรวจราชการที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ในวันที่ 2 พฤศจิกายน ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ภารกิจนายกรัฐมนตรีจะตรวจมาตรการคัดกรองนักท่องเที่ยวต่างชาติ จะเดินเข้ามาท่องเที่ยวใน อ.เกาะสมุย ที่ท่าอากาศยานนานาชาติสมุย จากนั้นเดินทางไปยังโรงแรมเชอราตัน สมุย รีสอร์ต ต.บ่อผุด เพื่อตรวจการบริหารจัดการของโรงแรมเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวภายใต้ระบบ ALSQ (Alternative Local State Quarantine) และชมระบบติดตามผู้เดินทางเข้าออกภายในเกาะสมุย ณ ศูนย์ควบคุมกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (Samui Smart City Command Center) สำนักงานเทศบาลนครเกาะสมุย และเดินทางไปพบปะกับประชาชนและร่วมปล่อยพันธุ์ปลาสัตว์น้ำ ปูทะเล เต่าทะเล มอบกิ่งปะการังแก่นักดำน้ำ ที่วัดพระเจดีย์แหลมสอ ต.หน้าเมือง ในบ่ายวันเดียวกัน นายกรัฐมนตรีจะเดินทางตรวจราชการจังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 2-3 พฤศจิกายน พร้อมเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 3/2563 ณ จ.ภูเก็ต ติดตามความก้าวหน้าการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดอันดามัน สร้างความเชื่อมั่นภาคเอกชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ ยกระดับการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จ.ภูเก็ตสู่เมืองท่องเที่ยวเชิงสุขภาพระดับโลก

 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ท่าอากาศยานนานาชาติภูเก็ต เพื่อตรวจความพร้อมในมาตรการรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศของท่าอากาศยานภูเก็ต ตรวจความพร้อมการปฏิบัติงานของด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศ ด่านตรวจคนเข้าเมือง ด่านศุลกากร ภายในอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ และตรวจความพร้อมของกระบวนเก็บสิ่งส่งตรวจ (สารคัดหลั่ง) ที่มีรถเก็บสิ่งส่งตรวจพระราชทานประจำจุดอยู่ 3 คัน ณ อาคาร X-Terminal ภายในเขตท่าอากาศยานภูเก็ต โดยมีนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต, ร.ต.ธานี ช่วงชู ผู้อำนวยการท่าอากาศยานภูเก็ต, หัวหน้าส่วนราชการและผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า มาดูความพร้อมของมาตรการและพื้นที่ ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะมาตรวจราชการ ครม.สัญจร ในวันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายนนี้ ทราบว่าขณะนี้การคัดกรองนักท่องเที่ยวทุกขั้นตอน ระบบมีความพร้อมแล้ว 100% โดยเฉพาะกระบวนการเก็บสิ่งส่งตรวจรองรับได้วันละ 578 คน

“หลังจากนี้หากมีนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกเข้ามา ปรากฏว่าสมมุติฐานของระบบคัดกรองสามารถแปรไปสู่การปฏิบัติ แล้วได้ผลยืนยันชัดเจนว่าไม่มีการแพร่ระบาด ก็คงจะเพิ่มอัตราการผ่อนคลายมาตรการมากขึ้น ให้การบ้านกับทางผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและผู้เกี่ยวข้อง ให้ไปทำข้อมูลว่าถ้าจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 1% จะต้องเพิ่มอุปกรณ์ เครื่องมือ และกระบวนการวิธีการอย่างไรบ้าง เพื่อนำเสนอต่อนายกรัฐมนตรี รูปแบบจะต้องเก็บเป็นฐานข้อมูลไว้ ถ้ามีความพร้อมมากขึ้น อาจจะต้องเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวตามขั้นลำดับบันได เป็น 2%, 3%, 4% ในอนาคต กระบวนการขั้นตอนที่ใช้อยู่ คือการทำ SWAB กับอีกระบบหนึ่งคือการตรวจแบบ แอนติบอดี หากทั้ง 2 วิธีการนี้มีความสอดคล้องกัน ให้ผลตรวจตรงกัน จะเป็นการเพิ่มความสามารถในการตรวจคัดกรองโควิดได้อีก 5 เท่า โดยใช้อุปกรณ์เท่าเดิม”

นายณรงค์  กล่าวว่า ขณะนี้โรงแรมที่ใช้เป็นสถานกักกันทางเลือก (Alternative State Quarantine) ในจังหวัดมีกว่า 1,900 ห้อง ซึ่งทางจังหวัดมีความประสงค์จะพัฒนาเพิ่มจำนวนห้องให้รองรับอีกได้ถึง 5,000 ห้อง ภายใน 1 เดือน พร้อมกันนี้ภูเก็ตจะเป็นต้นแบบให้กับอีก 5 ท่าอากาศยานของ AOT ไม่ว่าจะเป็นสุวรรณภูมิ ดอนเมือง หาดใหญ่ เชียงใหม่ และเชียงราย อันจะนำไปสู่มาตรการผ่อนคลาย เพื่อทำให้การฟื้นฟูทางเศรษฐกิจเกิดขึ้น

ส่วนการรับเที่ยวบินนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศของจังหวัดภูเก็ต ขณะนี้ยังไม่ยืนยันการเดินทาง ต้องรอทางนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่มาตรวจเพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ามีความพร้อมในทุกขั้นตอนของการตรวจอย่างเข้มข้นเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนด้วย นายณรงค์กล่าว