สถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เสริมแกร่งอถตสาหกรรมจัดสัมมนาวิชาการ Energy Symposium 2016 เรื่อง “พลังงานไทยในกระแสพลังงานโลก” ได้รับเกียรติจาก พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “พลังงานไทยในกระแสพลังงานโลก” นอกจากนี้ ยังถือเป็นเวทีในการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นระหว่างภาครัฐ และเอกชน
พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า จากความต้องการพลังงานของโลกที่เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความต้องการพลังงานที่เพิ่มมากขึ้นโดยสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในปัจจุบันยังคงอยู่ที่ร้อยละ 82 ตลอดระยะเวลา 25 ปีที่ผ่านมา แต่ในปี ค.ศ. 2035 จะมีอัตราการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลลดลงเหลือร้อยละ 76 เนื่องจากสัดส่วนการใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มมากขึ้น อาทิ พลังงานถ่านหินที่ยังคงเป็นตัวเลือกในการผลิตไฟฟ้าในหลายภูมิภาคเนื่องจากมีราคาถูก เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันยังคงมีแนวโน้มที่จะลดลงอย่างต่อเนื่องในปี 2559 โดยในอนาคตการบริโภคน้ำมันในโลกนั้นจะมุ่งไปที่ภาคขนส่ง และปิโตรเคมีมากขึ้น กลไกการตลาดและการแข่งขันเสรีของภาคเอกชนและบริษัทข้ามชาติระดับโลก ก็จะเข้ามามีบทบาทต่อการกำหนดทิศทางการพัฒนาด้านพลังงานของประเทศไทยในอนาคตอีกด้วย ในส่วนของการสนับสนุนนโยบายพลังงานทางเลือก ในมิติต่างๆ อาทิ การนำนวัตกรรมต่างๆ มาประยุกต์ใช้เพื่อให้สามารถลดต้นทุนของเทคโนโลยีที่ใช้พลังงานทางเลือก ทำให้สามารถคาดการณ์ได้ว่าภายในปี ค.ศ. 2030 พลังงานทางเลือกจะเป็นแหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุด โดยมีพลังงานน้ำเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดตามมาด้วย พลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์ ทั้งนี้ สถานการณ์การใช้พลังงานทดแทนเพื่อผลิตไฟฟ้าของประเทศไทยในปัจจุบันมีแนวโน้มการใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็มีการขยายตัวของภาคธุรกิจการผลิตพลังงานทดแทนเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน เพราะสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตในด้านเศรษฐกิจสาขาต่างๆ นอกจากนี้ ยังทำให้ประเทศไทยไม่ผูกขาดกับแหล่งพลังงานใดเพียงแหล่งเดียว
นายวีรศักดิ์ โฆสิตไพศาล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม ว่า จากความต้องการพลังงานของโลกที่เพิ่มสูงขึ้น โดยภาคขนส่งมีความต้องการบริโภคน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 25 และพลังงานหมุนเวียนก็มีสัดส่วนการใช้พลังงานที่เพิ่มมากขึ้น อันเป็นผลมาจากโครงสร้างพลังงานโลกได้ถูกขับเคลื่อนด้วยกลไกตลาดและการแข่งขันเสรี และส่งผลให้มีบทบาทต่อการกำหนดทิศทางการพัฒนาด้านพลังงานของโลกในอนาคต อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันศูนย์กลางความต้องการพลังงานของโลกอยู่ที่กลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Economies) และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งอาเซียนก็กลายเป็นภูมิภาคสำคัญที่มีความต้องการพลังงานเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
“ด้วยกระแสพลังงานที่มีความเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จากตัวแปรทั้งทางด้านความต้องการของผู้บริโภค และกลไกทางการตลาด ทำให้ผู้ประกอบการต้องเตรียมความพร้อมในการรับมืออยู่เสมอเนื่องจากพลังงานเป็นต้นทุนสำคัญในการประกอบกิจการ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะตัวแทนของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม ในการประสานนโยบายและดำเนินการร่วมกับภาครัฐ รวมทั้งส่งเสริมและพัฒนาการประกอบการของภาคอุตสาหกรรม ตระหนักถึงความสำคัญในเตรียมความพร้อมด้านข้อมูล และแนวทางในการรับมือแก่ให้ผู้ประกอบการ และเห็นว่าเรื่องทิศทางพลังงานในอนาคต เป็นประเด็นสำคัญที่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมควรทราบ การจัดงานสัมมนาวิชาการประจำปี Energy Symposium 2016 พลังงานไทยในกระแสพลังงานโลก จึงเกิดขึ้น เพื่อเป็นเสมือนเวทีหนึ่งที่จะทำให้ผู้ประกอบการ และผู้สนใจรู้เท่าทันสถานการณ์พลังงานของประเทศ และของโลก อันจะนำไปสู่การปรับตัวได้ทันกับสถานการณ์พลังงานในปัจจุบันและอนาคต อีกทั้งสามารถดำเนินการได้สอดคล้อง และแข่งขันกับตลาดโลกได้” ประธานคณะกรรมการบริหารสถาบันพลังงานเพื่ออุตสาหกรรม กล่าว