“ศักดิ์สยาม” ลุยอีสานใต้ ประกาศลงทุนทั้งถนน-สนามบินแห่งใหม่ใน “มุกดาหาร” ต.คำป่าหลาย ลงทุนกว่า 2 หมื่นล้าน หนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษ บูมท่องเที่ยว เปิดประตูสู่อินโดจีน

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยระหว่างลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดอีสานใต้ อำนาจเจริญ ยโสธร และมุกดาหาร ว่า มีแผนงานในอนาคตของกรมท่าอากาศยาน (ทย.) ที่กำลังศึกษาก่อสร้างสนามบินที่ จ.มุกดาหาร บริเวณ ต.คำป่าหลาย อ.เมืองมุกดาหาร วงเงิน 4,535 ล้านบาท มีพื้นที่อาคารผู้โดยสาร 37,200 ตร.ม. ความยาวทางวิ่ง 2,500 เมตร เพื่อสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนไทย-สปป.ลาว และเป็นทางเลือกในการเดินทางและเสริมศักยภาพ จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายทางธรรมชาติและศิลปวัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นประตูสู่อินโดจีนอีกด้วย

ทั้งนี้ ในผลการศึกษาระบุว่าสำหรับพื้นที่เหมาะสมสำหรับการก่อสร้างสนามบินมุกดาหาร อยู่ต.คำป่าหลาย อ.เมือง ขนาด 4.5 ตร.กม. หรือ 2,812.5 ไร่ เป็นพื้นที่ราบ ใช้ประโยชน์ทางการเกษตร ระยะห่างจากตัวเมืองมุกดาหาร 15 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ไม่มีสิ่งกีดขวางที่เป็นอุปสรรคต่อการบิน ห่างจากท่าอากาศยานโดยรอบ ได้แก่ นครพนม 94 กม. สกลนคร 146 กม. ขอนแก่น 209 กม. และอุดรธานี 223 กม.

นอกจากนี้ ในวงเงินอีกประมาณ 20,000 ล้านบาท จะเป็นโครงการถนนที่เชื่อมต่อกับจังหวัดใกล้เคียง เช่น นครพนม อุบลราชธานี ร้อยเอ็ด เป็นต้น และจะมีการสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 6 อยู่ระหว่างทำ MOU เพื่อลงนามร่วมกัน ขณะที่ จ.มุกดาหาร โครงการสำคัญคือการบูรณาการรถไฟทางคู่ร่วมกับมอเตอร์เวย์ (MR-MAP) ช่วง W1 ตาก (ด่านแม่สอด)-นครพนม ระยะทาง 710 กม. ซึ่งจะเชื่อมต่อกับ จ.มุกดาหาร โดยใช้เวลาปี 2564 ในการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการช่วงนี้ นอกจาก MR-MAP แล้ว เห็นว่า จ.มุกดาหาร ควรจะมีโครงการพัฒนาสนามบินภายในจังหวัดด้วย ซึ่งให้กรมท่าอากาศยาน (ทย.) เป็นผู้ดำเนินการ

นอกจากนี้ ยังมีทางหลวงในชุมชนที่ดูแลโดยกรมทางหลวงชนบท (ทช.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้นโยบายว่า หากมีถนนใดที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไม่สามารถดูแลได้ ก็ขอให้โอนมาให้ ทช.เป็นผู้ดูแลแทน โดยการพัฒนาด้านโลจิสติกส์จะต้องคิดให้ครบทั้งบก-ราง-น้ำ และอากาศ โดยพื้นที่ใดที่มีศักยภาพดำเนินการก็จะต้องทำให้ครบทุกโหมดให้ได้มากที่สุด

นายศักดิ์สยาม ยังกล่าวถึงโครงการช่วยเหลือเกษตรกรยางพาราด้วยการนำยางพารามาใช้เพื่อปรับปรุงเพิ่มความปลอดภัยทางถนน ซึ่งกำลังจะดำเนินการในเฟสแรกแล้วเสร็จภายในเดือน พ.ย. 2563 และอยู่ระหว่างของบประมาณดำเนินการในเฟส 2

ขณะที่การจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ในเดือน ต.ค.ทุกหน่วยงานต้องเสนอกรอบให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา หลักเกณฑ์พิจารณา คือต้องเป็นไปตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายของรัฐบาล เนื้องานต่อเนื่องจากงบประมาณปีที่แล้ว และโครงการที่นำเสนอต้องพร้อมดำเนินการ ไม่ติดขัดอุปสรรคอะไรอีก หากไม่พร้อมจะตัดออกทันที และจะต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับทราบด้วย คาดว่าในสิ้นเดือน ต.ค. นี้น่าจะเห็น