นายบุรณิน รัตนสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารกลยุทธ์กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัทปตท.จำกัด (มหาชน) เปิดเผยระหว่างบรรยายพิเศษ ” Life Science ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย  เพื่อเศรษฐกิจและสังคมไทย ”ว่า ธุรกิจ Life Science ที่เน้นเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์ยา  โภชนาการ และวัสดุทางการแพทย์  จะเป็น Product Champion ตัวใหม่ที่สร้างรายได้และการเติบโตให้กับกลุ่มในอีก 10 ปีข้างหน้าโดยการวางกลยุทธ์ในช่วง 1-5 ปี จะเน้นการทำธุรกิจที่เน้นการสร้างเครือข่ายด้านการตลาด ช่อฃทาฃการจัดจำหน่ายและการขายร่วมกับพันธมิตร ,การคัดเลือกผลิตภัณฑ์ยาที่เรียกว่า Generic Drugs หรือกลุ่มยาสามัญที่ใกล้หมดสิทธิบัตรคุ้มครอง ในโรคที่ไม่ติดต่อ เช่น โรคมะเร็ง หัวใจ เบาหวาน พาร์คินสัน เพื่อขึ้นทะเบียนยาและจัดจำหน่าย รวมทั้งผลิตภัณฑ์ด้านโชนาการ หรืออาหารที่มีสรรพคุณเป็นยา รวมทั้ง วัสดุทางการแพทย์ที่มีฐานจากอุตสาหกรรมปิโตรเคมีที่ ปตท.มีความเชื่ยวชาญอยู่แล้ว เช่น ถุงมือแพทย์ หน้ากากอนามัย รองเท้า เป็นต้น

นายบุรณิน กล่าวว่า  กลยุทธ์ 5-10 ปีข้างหน้า เป็นการตั้งโรงงานผลิตยาที่ได้รับการขึ้นทะเบียน ที่สามารถแข่งขันกับยานำเข้าที่มีราคาแพง ซึ่งเมื่อวันที่25 ก.ย.2563 ปตท.ได้มีการลงนามสัญญาร่วมพัฒนาโครงการโรงงานผลิตยารักษาโรคมะเร็ง ร่วมกับองค์การเภสัชกรรม เป้าหมายเพื่อทดแทนการนำเข้า และส่งออกไปขายในภูมิภาค

โดยคาดว่าโรงงานตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรม WEcoZi จ.ระยอง มีกำลังการผลิตยาเคมี 20 ล้านเม็ดต่อปี และ อีก 1.5 ล้านไวแอล (ขวดบรรจุผงยาที่พร้อมผสมกับน้ำ ) และยาชีววัตถุอีก 170,000 ไวแอล สำหรับกลยุทธ์มากกว่า 10 ปี จะเน้นไปในส่วนของการงิจัยและพัฒนา เพื่อเป็นเจ้าของสิทธิบัตรยา ซึ่งเป็นส่วนที่ต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูง ใข้ระยะเวลา แต่มีความคุ้มค่า

นายบุรณิน กล่าวต่อว่า ธุรกิจ Life Science เป็นธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มีมูลค่าของตลาดสูง ซึ่งบริษัทขนาดใหญ่ทั่วโลกต่าง หันมาสนใจสู่ธุรกิจนี้แล้ว โดยประเทศไทย ยังไม่มีบริษัทไหนที่จะลงมาเล่นอย่างจริงจัง คาดว่า อีก20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ (Ageing Society ) ที่ประชากรที่มีอายุมากกว่า 60ปี มีสัดส่วนกว่า 31% ของประชากรทั้งหมด จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 18% ซึ่งยังพึ่งพาผลิตภัณฑ์ยาที่มีราคาแพง และเป็นยาที่นำเข้าเป็นหลัก การที่ปตท.จัดตั้งบริษัท Innobic (Asia) ขึ้นมาเพื่อให้เห็นว่า ปตท.ต้องการทำกับธุรกิจนี้อย่างจริงจัง ซึ่งจะจับมือไปพร้อมๆกับองค์การเภสัชกรรมและบริษัทอื่นๆที่จะเข้ามาเป็นพันธมิตรในอนาคต เพราะยังมีช่องทางการทำธุรกิจและโอกาสทางการตลาดเหลืออยู่อีกมาก

"การจัดตั้งบริษัทใหม่ ที่ชื่อ Innobic (Asia) ได้รับการอนุมัติจากบอร์ดปตท.เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2563 ที่ผ่านมา โดยมีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 2,000 ล้านบาท ถือหุ้น 100 % โดย บริษัท ปตท. โกลบอล แมนเนจเม้นท์ จำกัด หรือ PTTGM ที่ ปตท.ถือหุ้น 100 % ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นว่า ปตท.ต้องการบุกธุรกิจ Life Science ที่เป็นธุรกิจ New S Curve อย่างจริงจัง ซึ่งมีการดึงตัวบุคคลากรผู้เชี่ยวชาญคนไทย ในอุตสาหกรรมยา และ Nutrition หรือโภชนาการในบริษัทชั้นนำของโลก ประมาณ 15-20 คน เข้ามาร่วมงาน ซึ่งจะเริ่มขับเคลื่อนธุรกิจอย่างจริงจังในปี 2564"