ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
เกษตรนำไทย ย้อนกลับ
สศก.เปิดแนวโน้มสินค้าเกษตรปี 2564
14 ธ.ค. 2563

อัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 แม้จะส่งผลให้ผู้บริโภคกักตุนสินค้า และมีส่วนผลักดันให้ราคาสินค้าเกษตรของไทยปรับเพิ่มขึ้น แต่ด้วยผลกระทบทางเศรษฐกิจ ทำให้แรงซื้อของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศลดลง เพราะต้องระมัดระวังเรื่องการจับจ่ายใช้สอย ดังนั้น การตั้งราคาสินค้าเกษตรให้อยู่ในระดับสูงเกินไปจะขายไม่ได้ นอกจากนี้ ยังต้องรอดูนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐว่าจะขับเคลื่อนทางด้านใดบ้าง เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลก ทำให้การคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจการเกษตร (จีดีพี) ของไทยต้องทำเดือนต่อเดือน อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางปัจจัยต่างๆ ที่เกิดขึ้น เมื่อนำมาวิเคราะห์กับผลผลิตสินค้าเกษตร ทำให้สามารถพยากรณ์แนวโน้มราคาพืชเศรษฐกิจ เช่น ยาง ปาล์มน้ำมัน ข้าว มันสำปะหลัง ซึ่งคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้น แม้จีดีพีเกษตรในปีนี้จะติดลบ 3.4 - 2.4%

ทั้งนี้ ในส่วนของยางพารา ในปีนี้คาดว่าจะมีผลผลิต 4.7 ล้านตัน ลดลงประมาณ 2% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ราคาในช่วงนี้อาจจะลดลงเล็กน้อย เนื่องจากมีปัจจัยภายนอก เช่น ตลาดซื้อขายล่วงหน้า อัตราแลกเปลี่ยน เข้ามากดราคาในบางช่วง แต่จากผลผลิตที่ลดลงและกำลังจะเข้าสู่ฤดูกาลผลัดใบ ประกอบกับความต้องการใช้ถุงมือยางมีมากขึ้น อุตสาหกรรมล้อยางเริ่มฟื้นตัว จึงเป็นแรงผลักให้ราคายางในช่วงต้นปีหน้าปรับเพิ่มขึ้น หรือจะไม่ลดลงไปกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉลี่ยกิโลกรัม (กก.) ละ 60 บาท

ด้านปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ม มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องยาวไปถึงไตรมาสแรกของปี 2564 เฉลี่ยปาล์มดิบที่กก.ละ 6-7 บาท น้ำมันปาล์ม (ซีพีโอ) กก.ละ 25 – 25.25บาท จากความต้องการใช้เพิ่มสูงขึ้นหลังจากการระบาดของโควิด เริ่มคลี่คลาย ประกอบกับมาตรการของรัฐที่กระตุ้นการใช้น้ำมันปาล์ม โดยการนำน้ำมันปาล์มดิบไปผลิตกระแสไฟฟ้า การส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซล รวมทั้งการผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มเพื่อลดผลผลิตส่วนเกินของผู้ประกอบการ ทำให้ปริมาณความต้องการใช้น้ำมันปาล์มเฉลี่ยเดือนละ 2.4 แสนตัน ประกอบกับผลผลิตปาล์มน้ำมันในช่วงไตรมาสที่ 4 (ต.ค.- ธ.ค.) ออกสู่ตลาดน้อย ประมาณ 19% ของผลผลิตทั้งหมด 16.36 ล้านตัน โดยคิดเป็นน้ำมันปาล์มดิบเดือนต.ค. 2.1 แสนตัน พ.ย.1.8 แสนตัน และธ.ค.1.6 แสนตัน ส่งผลให้ในช่วงไตรมาสที่ 4 สต็อกน้ำมันปาล์มดิบลดลงเฉลี่ยอยู่ระหว่างเดือนละ 3-8 หมื่นตัน และคาดว่า ณ สิ้นปี 2563 สต็อกน้ำมันปาล์มดิบจะปรับลดลงมาอยู่ในระดับที่เหมาะสมเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 2.8-3.2 แสนตัน จากสต็อกที่เหมาะสมที่ 2.5 แสนตัน

ขณะที่มันสำปะหลัง คาดว่าปีนี้จะมีผลผลิต 2.8 ล้านตัน หรืออาจจะน้อยกว่านี้ เพราะมีปัญหาโรคใบด่างเกิดขึ้น แนวทางแก้ไขโรคดังกล่าวคือ โค่นแล้วเผาทำลาย ปัจจุบันรัฐบาลยังไม่สามารถแก้ไขได้ ซึ่งผลผลิตจะทยอยออกสู่ตลาดช่วงกลางเดือน พ.ย.- ธ.ค. ดังนั้น จึงคาดว่าราคาจะอยู่ในระดับที่ดี เพราะจีนสั่งซื้อมันเส้นจากไทยมากขึ้นเพื่อป้อนโรงงานเอทานอล ซึ่งปัจจุบันราคามันสำปะหลังที่เกษตรกรได้รับเฉลี่ยที่ กก.ละ 2-2.50 บาท

สำหรับข้าวนาปีมีผลผลิต 25.5 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้น 6 % เนื่องจากน้ำฝนตกทั่วถึง เฉลี่ยราคาข้าว ที่ 8,000-8,500 บาทต่อตันข้าวเปลือก ซึ่งราคาอาจจะลดลงเล็กน้อยเพราะเป็นช่วงที่ข้าวออกสู่ตลาดพร้อมกัน แต่ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่า การผลักดันส่งออกข้าวไทยยังลำบาก เนื่องจากข้าวไทยมีราคาสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยมีช่องห่างของราคาเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งการระบาดของโควิด ทำให้กำลังซื้อลดลง โดยหันไปบริโภคข้าวชนิดอื่นที่ถูกกว่า และคุณภาพใกล้เคียงของไทย

“ราคาโดยรวมปีนี้ยังถือว่าดี เกษตรกรพอใจ แต่ราคาควรจะดีกว่านี้ หากไม่มีการระบาดของโควิด แต่หากมองในแง่ของเกษตรกรแล้ว ปีนี้ไม่ได้มีปัญหาเรื่องราคาตกต่ำ เพราะรัฐบาลมีโครงการประกันรายได้ และมีมาตรการช่วยเหลือควบคู่ ซึ่งจะจูงใจให้เกษตรกรลงทุนต่อเนื่องในฤดูกาลผลิตต่อไป”

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่รัฐบาลควรเข้ามาแก้ปัญหาในขณะนี้ ควรมีมาตรการสนับสนุนผู้ประกอบการ เพื่อให้ขับเคลื่อนไปต่อให้ได้ในสถานการณ์ที่ท้าทายมากขึ้น ซึ่งในไตรมาสแรกของปี 2564 จะเป็นช่วงจับตามองที่สำคัญ นางอัญชนา กล่าว

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...