ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร แถลงผลประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 1/2564 หารือแนวทางป้องกันการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ในพื้นที่กทม.ซึ่งถือเป็นพื้นที่มีความเสี่ยง หลังจากเมื่อวานนี้ (19 ธ.ค.) พบผู้ติดเชื้อในกทม.รวม 2 คน จึงมีโอกาสที่จะระบาดระลอก 2 ได้ โดยคนแรกเป็นแม่ค้าคนกลาง ที่ไปซื้อของที่ตลาดในพื้นที่จ.สมุทรสาคร จึงต้องมีสุ่มตรวจเชิงรุกแรงงานข้ามชาติในตลาด 472 แห่ง ในพื้นที่ก่อสร้าง และร้านอาหารที่รับของมาจากสมุทรสาคร มาใน กทม.ได้
พ.ต.อ.พงศกร กล่าวว่า ขณะนี้ยกระดับคุมเข้ม 100% โดยกำชับคุมเข้มสถานที่และสถานบริการ 3 ประเภทกิจกรรม เช่น 1.สถานบันเทิง ผับบาร์ แต่ละโต๊ะห่าง 1.5 เมตร ห้ามเต้น อนุญาตนั่งทานอาหาร ฟังเพลงอย่างเดียว 2.สนามมวย ต้องเว้นระยะในการนั่งและใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา จำกัดจำนวนคน 3.ตลาด หลังพบระบาดในตลาดสมุทรสาคร จึงต้องตรวจตลาดกว่า 472 แห่ง ที่มีความเสี่ยงในการพบแรงงานต่างชาติ และแรงงานข้ามชาติเข้ามาใช้พื้นที่ ใส่หน้ากาก 100% ประเมินความเสี่ยงโดยระบบ BKK COVID 19 100% และสแกนเก็บข้อมูลผู้เข้าออกตลาด 100% โดยทุกเขตจะดำเนินมาตรการหากพบฝ่าฝืนปิดทันที
“การจัดกิจกรรมในช่วงส่งท้ายปี 2564 ซึ่งในส่วนของ กทม.จะงดกิจกรรมเคาต์ดาวน์ และสวดมนต์ข้ามปี 2564 ส่วนของเอกชนจะทำหนังสือขอความร่วมมือ และหากจะจัดต้องมีการทำแผนในการควบคุมโรคมาให้ กทม. พิจารณาด้วย”
โฆษก กทม.กล่าวอีกว่า ยอมรับค่อนข้างกังวลเหตุการณ์ซูเปอร์สเปรดเดอร์ที่เกิดขึ้นในจ.สมุทรสาคร และยืนยันว่ากทม.มีสถานการณ์ไม่ปกติ แต่เคยควบคุมได้แล้ว และถ้าทุกคนให้ความร่วมมือได้ จะควบคุมการระบาดของ COVID-19ได้อีกครั้ง และยังอยู่ในช่วงสถานการณ์ที่จะตัดสินการแพร่ระบาดของโรคระลอก 2
“ส่วนการหยุดกิจกรรมอื่นๆ ที่เสี่ยงให้สามารถทำงานที่บ้านได้ และโรงเรียนในสังกัด กทม.ในพื้นที่ 3 เขตคือ เขตบางบอน บางขุนเทียน และเขตหนองแขม ที่อยู่ใกล้ จ.สมุทรสาคร ให้พิจารณาหยุดเรียนในวันที่ 21 ธ.ค.-4 ม.ค. 2564 ส่วนสาธารณะยังใช้บริการได้”
ด้านนางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ขณะนี้ กทม.ประกาศปิดโรงเรียนในเขตบางขุนเทียน บางบอน และหนองแขม เนื่องจากมีนักเรียนและบุคลากรจาก จ.สมุทรสาคร ที่อาจเสี่ยงต่อ COVID-19 จึงให้ปิดโรงเรียน ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.นี้-4 ม.ค. 2564 และต้องการเรียนการสอนเสริม และเรียนออนไลน์ด้วย
ด้าน พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่า กทม.กล่าวถึงมาตรการคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานข้ามชาติ กรณีแรงงานข้ามชาติแนวทางของกทม.รวม 4 จุดคือ ถนนพระราม 2 ถนน เพชรเกษม ถนนบรมราชชนนี และบางขุนเทียนเริ่มตั้งเวลา 18.00 น. ตลอด 24 ชั่วโมง จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเพื่อคัดกรองรถยนต์ที่ขนแรงงาน
ต่อมามีรายงานข่าวระบุว่า กทม.ได้เรียกประชุมด่วนคณะกรรมการป้องกันและควบคุมโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร เพื่อหารือมาตรการป้องกันและรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ได้ข้อสรุปมาตรการต่างๆ ดังนี้
1. ปิดโรงเรียนและศูนย์พัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนในสังกัด กทม. ที่มีพื้นที่ติดต่อกับ จ.สมุทรสาคร 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค. 2563 - 4 ม.ค. 2564 ได้แก่ เขตบางขุนเทียน บางบอน และหนองแขม โดยให้จัดการเรียนการสอนเสริมและการเรียนออนไลน์ทดแทน
2. ข้าราชการและบุคลากร กทม.ที่เดินทางไป-กลับ กรุงเทพฯ - สมุทรสาคร หรือมีที่พักอาศัยอยู่ใน จ.สมุทรสาคร ให้ปรับเปลี่ยนเป็นการทำงานที่บ้าน (work from home)
3. ขอความร่วมมือภาครัฐและเอกชน งดจัดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของประชาชนจำนวนมาก เช่น งานเทศกาลปีใหม่ กิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี และงานรื่นเริงต่างๆ แต่หากจะจัดงาน ต้องเสนอแผนควบคุมโรคเพื่อขออนุญาตกับสำนักอนามัย กทม.เพื่อพิจารณาก่อน
4. ตั้งด่านคัดกรองแรงงานต่างด้าว เดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ 4 เส้นทาง ได้แก่ ถนนเพชรเกษม ถนนพระรามที่ 2 ถนนบรมราชชนนี และถนนเลียบคลองพิทยาลงกรณ์ ตลอด 24 ชั่วโมง เริ่ม 18.00 น. วันนี้เป็นต้นไป
5. ให้ใช้สวนสาธารณะเพื่อการออกกำลังกาย งดการรวมตัว
6. จัดเจ้าหน้าที่ตรวจค้นหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุกในแรงงานต่างด้าว 100% ที่ทำงานในตลาดสดทุกแห่งทั่วกรุงเทพฯทั้ง 472 แห่ง รวมถึงพ่อค้าแม่ค้าคนกลางที่มีการติดต่อซื้อขายสินค้าอาหารทะเลจาก จ. สมุทรสาคร
7. สำนักงานเขตดำเนินการคัดกรองเชื้อโควิดในแรงงานต่างด้าวในแคมป์คนงานก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง 100%
8. ขอความร่วมมือศาสนสถานต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ งดให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำกิจกรรมภายในพื้นที่ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย
9. ให้ รร.กทม. สำรวจผู้ปกครองของนักเรียนที่เป็นแรงงานต่างด้าว เพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรองโควิด
10. สถานประกอบการร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า และสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ต้องเข้มงวดในการตรวจคัดกรองผู้ที่เข้าไปใช้บริการ 100 % สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างของโต๊ะอาหาร งดเต้น พร้อมทำความสะอาดสถานที่ตามแนวทางปฏิบัติที่กำหนดไว้ เพื่อความปลอดภัย
ขอให้พี่น้องประชาชนทุกคนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ทุกครั้งที่ออกจากบ้านและอยู่ในที่สาธารณะ หากเดินทางไปใช้บริการตามสถานที่ต่างๆ ต้องลงทะเบียนหรือสแกน "ไทยชนะ" เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบและสืบสวนโรคหากเกิดการแพร่ระบาดในสถานที่นั้นๆ