“ช่วงเวลานั้นไม่มีใครต้องการเลิกจ้างลูกน้องหรอก” “ชุติปภา สุรภาพวงศ์” หรือ มาดามเหมย เจ้าของ ห้างหุ้นส่วนจำกัด มาดาม พาเท่ห์ ผู้ประกอบกิจการร้านอาหารและเครื่องดื่ม “มาดามพาเท่ห์ พ.ศ.2515” จังหวัดอุดรธานี เล่าถึงสถานการณ์ไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบต่อธุรกิจ กลายเป็นวิกฤตถึงขั้นเข้าห้องไอซียู กว่าจะกลับมาฟื้นตัวในทุกวันนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“มาดามพาเท่ห์ พ.ศ.2515” เกิดจากธุรกิจครอบครัวที่เปิดให้บริการอาหารและเครื่องดื่ม ด้วยเวลากว่า 15 ปี จากคุณแม่ที่เกษียณจากงานประจำต้องการเปิดร้านกาแฟเล็ก ๆ ไว้เป็นสถานที่พบปะพูดคุยกลุ่มเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน จึงคิดว่าภายในร้าน ควรนำเสนอเมนูอาหารฝีมือของแม่ที่รับประทานมาตั้งแต่เด็กให้ผู้บริโภคได้ลิ้มรสเช่นกัน เมนูแรกถือเป็นซิกเนเจอร์ประจำร้าน ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าใครมาต้องสั่งอยู่เสมอ คือ “3 สหาย” ขนมปัง 3 แบบพร้อมเสิร์ฟ ประกอบด้วย “ปาเต” เป็นขนมปังยัดไส้ตับบดที่ปรุงรส สไตล์ฝรั่งเศส, ครัวซองไส้ทูน่า และโรตี ที่สามารถเลือกใส่วัตถุดิบได้ เช่น ปูอัด กุนเชียง หมูยอ รับประทานคู่กับสตูสูตรลับเฉพาะของร้านได้รับความนิยมอย่างมาก สะท้อนจากผู้บริโภคที่มาต่อคิวรอซื้ออยู่เป็นประจำ
จุดเด่น “มาดามพาเท่ห์ พ.ศ.2515” คือ ประสบการณ์สะสมมาเป็นเวลานานของคุณแม่ เริ่มจากเติบโตที่ จ.อุดรธานี แต่งงานที่เวียงจันทร์ สปป.ลาว และการทำงานเป็นแอร์โฮสเตส ทำให้รู้จักวัฒนธรรมทางอาหาร พร้อมการปรุงแต่งด้วยรสชาติที่ผสมผสานอย่างลงตัวจากฝีมือคุณแม่ที่รวบรวมความหลากหลายไว้ได้เป็นอย่างดี โดยรังสรรค์อาหารฟิวชั่น 5 ประเทศ สูตรอาหารเฉพาะ ทั้งไทย จีน เวียดนาม สปป.ลาว และฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็น ขนมปัง สตู ข้าวต้ม เฝอ สเต็ก เป็นต้น หากใครได้ลิ้มลองต้องยกนิ้วให้อย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน พฤติกรรมผู้บริโภคที่เริ่มใช้สื่อโซเชียลมีเดียเพิ่มขึ้น ไม่ว่าใครจะมาต้องเช็คอินที่ร้าน ประกอบกับช่วงเวลานั้นได้รับรางวัลจาก “วงใน ยูสเซอร์ ช้อยส์” ร้านอาหารยอดนิยมที่สุด ทำให้ร้านมาดามพาเท่ห์ พ.ศ.2515 กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น เกิดการบอกต่อว่า ต้องแวะเวียนมารับประทานอาหาร จากทั้งคนในพื้นที่ นักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ ส่งผลให้สาขาแรกเกิดสภาวะของคนล้นร้าน ที่นั่งไม่พอ ต่อคิวนาน ไม่มีที่จอดรถ
เป็นที่มาของการลงทุนขยายร้าน “มาดามพาเท่ห์ พ.ศ.2515” สาขาที่ 2 ด้วยการนำทุกปัญหาของสาขาแรกมาปรับปรุงและพัฒนาให้ตอบครบความต้องการของลูกค้า กำหนดเป้าหมายหลัก เพื่อรับรองกรุ๊ปนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ตกแต่งด้วยบรรยากาศไทย-จีน ย้อนยุค พร้อมเสิร์ฟอาหารยอดนิยม เช่น ข้าวต้มเห็ดชาจีน เฝอเนื้อผัด เฝอหมูผัด และ 3 สหาย เป็นต้น รวมถึง ชวนลูกค้าย้อนเวลาสัมผัสเครื่องดื่มโบราณยามเช้า ด้วยเมนูกาแฟโบราณ 6 รูปแบบ ได้แก่ กาแฟเย็น, โอเลี้ยง, โอเลี้ยงยกล้อ, โอเลี้ยงจ้ำบ๊ะ, โอยัวะ และโกปี๊ นอกจากนี้ ยังมีชานมเย็น น้ำมะขาม สูตรเฉพาะของร้านอีกด้วย
สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น กระทบต่อธุรกิจไม่ทันได้ตั้งตัว โดยเฉพาะสาขาที่ 2 ได้รับผลกระทบเต็ม ๆ เพราะพึ่งเปิดให้บริการได้เพียง 4 เดือนเท่านั้น และอาศัยนักท่องเที่ยวเป็นหลัก ความหวังว่า ค่าใช้จ่ายในการลงทุนขยายสาขา 2 จะกลับคืนมาจากรายได้ของการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ต้องพังทลาย เพราะมีมาตรการล็อกดาวน์ ร้านต้องปิดให้บริการทันที
ชุติปภา ระบุถึงผลกระทบว่า เงินหมุนเวียน สภาพคล่องเริ่มลดฮวบ กลายเป็นหลังชนฝา เปรียบเหมือนหมาจนตรอก ก็ว่าได้ แม้จะปรับตัวให้บริการ ผ่านการขายเดลิเวอรี่ ตามเสียงเรียกร้องของลูกค้า จึงคิดค้นเมนูใหม่ ๆ และปรับราคา เพื่อจูงใจให้กับผู้บริโภคเลือกสั่งไปรับประทานที่บ้าน ส่วนพนักงานต้องสลับมาทำงาน เพื่อให้ทุกคนยังมีรายได้ประคองคับประคองชีวิต ก้าวผ่านโควิด-19 ไปให้ได้ อย่างไรก็ตาม ยอดขายทั้ง 2 สาขา ยังไม่เพียงพอกับรายจ่ายที่เกิดขึ้น หนทางจะผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ จำเป็นต้องมีเงินทุนสักก้อนมาช่วยเสริมสภาพคล่อง
“สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ต้องหันมาใช้บริการสถาบันการเงิน ยอมรับว่าช่วงแรกไม่ได้นึกถึง SME D Bank (ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย) เพราะอยากเลือกสถาบันการเงินหลักที่เคยใช้บริการอยู่ แต่ด้วยกฎระเบียบที่รัดกุม ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน ทำให้เข้าไม่ถึงสินเชื่อจากสถาบันการเงินเดิม แต่ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ SME D Bank ที่เข้ามาพูดคุยรับฟังปัญหา “มาดามพาเท่ห์ พ.ศ.2515” ที่กำลังเผชิญอยู่ และให้คำปรึกษาแนะนำสินเชื่อรายเล็ก EXTRA CASH ซึ่งดอกเบี้ยถูก และที่สำคัญ! ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำ” มาดามเหมย เล่าถึงบริการที่ได้รับจาก SME D Bank และเสริมว่า
“ถ้าพิจารณาตามความเป็นจริง เอสเอ็มอีเกือบทุกราย ทรัพย์สินต่าง ๆ มักจะติดสัญญากับสถาบันการเงินรายอื่นอยู่แล้ว ยิ่งช่วงเวลานั้นไม่มีใครต้องการเลิกจ้างลูกน้องหรอก สินเชื่อรายเล็ก EXTRA CASH ถือเป็นสินเชื่อที่ดีเหมาะกับธุรกิจอย่างมาก ช่วยให้มีเงินทุนหมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง ประคองธุรกิจได้อีกครั้ง”
สถานการณ์ขณะนี้ “มาดามพาเท่ห์ พ.ศ.2515” ถือว่าก้าวพ้นวิกฤตไอซียูมาแล้ว อยู่ระหว่างพักฟื้นและทำกายภาพร่างกายให้กลับมาวิ่งได้อีกครั้ง โดยแผนธุรกิจในอนาคตที่เตรียมไว้จะเน้นรองรับช่วงไฮซีซั่น ต้อนรับการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวชาวไทย เป็นกรุ๊ป 30-40 คน พร้อมให้บริการช่วงเย็นสามารถปิดร้านแบบเอ็กคลูซีพที่มีแนวคิดการจัดงานชัดเจน และอนาคตจะเปิดสาขา 3 บ้านห้วยสำราญ ซึ่งแหล่งปลูกไม้ดอกไม้ประดับ หลากหลายสายพันธุ์ ถือเป็นอีกสถานที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเป็นจำนวนมาก