กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี เมื่ออากาศเปลี่ยนแปลงจากฤดูฝน เป็นฤดูหนาว สภาพร่างกายของเด็กๆ ยังอาจปรับตัวไม่ทัน ประกอบกับความเย็นที่เป็นตัวเพาะเชื้ออย่างดีในการกระจายไวรัส ทำให้เกิดโรคหน้าหนาวขึ้นมา ในส่วนของเด็กเล็กอาจต้องดูแลใกล้ชิด เพราะเขาไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ จึงเป็นหน้าที่ของผู้ปกครองจะต้องเฝ้าระวัง
นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า ประเทศไทยเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว อุณหภูมิลดลง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ติดเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจระบาดได้ง่าย เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น รวมทั้งประเทศไทยยังพบผู้ติดเชื้อโควิด19 รายใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งทั้งไข้หวัดและโรคโควิด19 มีอาการคล้ายคลึงกัน หากไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยง และมีพฤติกรรมป้องกันตนเอง เช่น สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ จึงไม่ควรวิตกกังวลมากเกินไป แม้การติดเชื้อ โควิด19 ในเด็กมีไม่มากนัก แต่การเฝ้าระวังโรคทั้งตัวผู้ปกครอง และตัวเด็ก ต้องมีมาตรการเพื่อป้องกันให้ห่างไกลจากไวรัสโควิด19
นายแพทย์อดิศัย ภัตตาตั้ง ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ปกครองควรดูแลรักษาสุขภาพเด็กให้แข็งแรงอยู่เสมอ โดยวิธีดังต่อไปนี้ 1.สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า ล้างมือบ่อยๆโดยเฉพาะหน้าหนาวนี้เชื้อโรคแพร่กระจายได้มาก เวลาที่ออกไปนอกบ้านเราอาจไปสัมผัสกับเชื้อโรคและอาจนำมาติดลูกได้ การล้างมือบ่อยๆ จึงเป็นวิธีลดโอกาสรับเชื้อและแพร่กระจายของเชื้อโรค ซึ่งสามารถป้องกันได้ทั้งโรคไข้หวัดและโรคโควิด19 2. หลีกเลี่ยงการนำเด็กเล็กหรือทารกไปสถานที่แออัด ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะเด็กทารกเนื่องจากภูมิคุ้มกันโรคของเด็กยังมีน้อยจึงอาจติดเชื้อโรคได้ง่าย
3.การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่และปรุงสุกร้อนใช้ช้อนกลางส่วนตัว 4.ทำให้ร่างกายของลูกน้อยอบอุ่นอยู่เสมอ สวมใส่เสื้อผ้าที่อุ่นแต่นุ่มสบายไม่ทำให้อึดอัดหรือระคายเคืองผิว เวลานอนก็ควรห่มผ้าเพื่อเพิ่มความอบอุ่น
อนึ่งผิวพรรณของเด็กก็มีส่วนสำคัญที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ เพราะในช่วงหน้าหนาวผิวของเด็กแห้งก็จะทำให้เกิด
การระคายเคือง คัน และผิวจะแตกลูกจะรู้สึกเจ็บ หลังอาบน้ำควรทาครีมบำรุงเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวของเด็ก นอกจากดูแลสุขภาพของลูกแล้ว ผู้ปกครองควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อป้องกันเชื้อโรคต่าง ๆ ไม่ให้ติดต่อสู่บุตรหลาน