พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงาน ครั้งที่ 34 ซึ่งมีสมาชิก 10 ประเทศเข้าร่วมการประชุมภายใต้หัวข้อ Towards Greener Community with Cleaner Energy ซึ่งจัดขึ้นที่ กรุงเนปีดอ ประเทศเมียนมาว่า สาระสำคัญในการประชุมครั้งนี้จะมุ่งเน้นการขับเคลื่อนเรื่องพลังงานทดแทนและเป้าหมายการลดความเข้มการใช้พลังงานของอาเซียนตามแผนปฏิบัติการว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงานอาเซียนระหว่างปี 2559-2568 ที่เน้นเรื่องการส่งเสริมความมั่นคงด้านพลังงานการเชื่อมโยงโครงข่าย รวมถึงการพัฒนาพลังงานสะอาดในภูมิภาค การใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพ และการใช้เทคโนโลยีถ่านหินสะอาด รวมถึงการบูรณาการโครงสร้างพื้นฐานและตลาดพลังงานเพื่อประโยชน์ในการแบ่งปันทรัพยากรร่วมกันในภูมิภาค
ทั้งนี้ในส่วนของประเทศไทยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจในโครงการ LTM on Power Integration Project ในการศึกษาการซื้อขายไฟฟ้าเชื่อมโยงโครงข่ายระบบสายส่งไฟฟ้าอาเซียนให้เป็นรูปธรรม โดยนำร่อง 3 ประเทศ ได้แก่ ไทย สปป.ลาว และมาเลเซีย ขนาดไม่เกิน 100 เมกะวัตต์ โดยในระยะที่ 1 มีกรอบดำเนินการระหว่างปี 2559-2563 และคาดว่าน่าจะเริ่มโครงการได้ 2-3 ปีจากนี้ พร้อมกันนี้จะขยายความร่วมมือเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้าไปยังประเทศสิงคโปร์ การลงนามดังกล่าวจะก่อให้เกิดความมั่นคงพลังงานอาเซียน และไทยจะมีรายได้ จากการเป็นศูนย์กลางการซื้อขายไฟฟ้าระหว่าง สปป.ลาวไปยังมาเลเซีย
"การประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านพลังงานในปีที่ผ่านมา ได้มีการลงนามร่วมกัน 4 ประเทศในการเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้า คือ ไทย สปป.ลาว มาเลเซียและสิงคโปร์ แต่ปีนี้จะนำร่องใน 3 ประเทศก่อน เนื่องจากสิงคโปร์ยังไม่มีความพร้อมเนื่องจากปัญหาภายในสิงคโปร์เอง แต่เชื่อว่าอนาคตสิงคโปร์จะเข้าร่วมด้วยแน่นอน"
นอกจากนี้ ประเทศไทยยังรับหน้าที่เป็นผู้คิดราคาค่าไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ขณะที่มาเลเซียจะรับหน้าที่ดูแลด้านเทคนิคการเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้าและ สปป.ลาว รับหน้าที่ดูเรื่องการแก้ไขกฏระเบียบต่างๆ โดยจะดำเนินการให้เสร็จก่อนจ่ายเข้าระบบเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรกในปี 2561 และในอนาคตทางประเทศสิงคโปร์จะเข้าร่วมเชื่อมโยงสายส่งต่อไป โดยเป้าหมายสุดท้ายจะให้อาเซียนทั้ง 10 ประเทศเชื่อมโยงสายส่งไฟฟ้าและซื้อขายไฟฟ้าระหว่างกันอย่างครบวงจรต่อไป