นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า จากการที่กรมธนารักษ์ดำเนินการส่งมอบอาคารพักอาศัย 8 ชั้น ขนาด 100 ครอบครัว ซึ่งเป็นอาคารชดเชยตามโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงที่ตั้งโรงภาษีร้อยชักสาม บริเวณเชิงสะพานกรุงเทพฯ ถนนพระราม 3 เขตบางคอแหลม กรุงเทพมหานคร ให้กรมศุลกากร เพื่อใช้ประโยชน์ในทางราชการไปแล้วเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา และจะมีการดำเนินการก่อสร้างอาคารชดเชยให้กองบังคับการตำรวจน้ำ ปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างอาคารชดเชยคืบหน้าไปกว่าร้อยละ 81 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2564 นี้

โรงภาษีร้อยชักสาม ตั้งอยู่บนที่ราชพัสดุริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซอยเจริญกรุง 36 ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร ซึ่งแต่เดิมเป็นอาคารศุลกสถาน เพื่อจัดเก็บภาษีขาเข้าและขาออกกับประเทศฝั่งตะวันตก และใช้เป็นสถานที่แก้ปัญหาเรื่องสินค้าหนีภาษี และการจัดเก็บภาษีได้ไม่ทั่วถึง รวมถึงเป็นที่ทำการตำรวจน้ำและสถานีตำรวจดับเพลิงบางรัก ซึ่งเป็นที่ราชพัสดุที่มีศักยภาพสูงและเป็นอาคารโบราณสถานอายุนานกว่า 100 ปี กรมธนารักษ์จึงได้ดำเนินโครงการพัฒนาที่ดินราชพัสดุแปลงนี้ ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 รวมทั้งร่วมลงนามในสัญญาร่วมลงทุนและสัญญาเช่าที่ราชพัสดุกับกิจการร่วมค้าฯ และลงนามในสัญญาแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาร่วมลงทุน โดยกิจการร่วมค้าฯ จะต้องก่อสร้างอาคารชดเชยให้กับกองบังคับการตำรวจน้ำและกรมศุลกากร พร้อมทั้งชำระผลประโยชน์ให้กับทางราชการตามที่กำหนดไว้ในสัญญาและพัฒนาที่ราชพัสดุแปลงดังกล่าว พร้อมปรับปรุงซ่อมแซมอาคารโบราณสถานเพื่อเป็นโรงแรมระดับไม่ต่ำกว่า 5 ดาว มูลค่าการลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤษภาคม 2568

อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวด้วยว่า การดำเนินการปรับปรุงและพัฒนาโครงการดังกล่าวจะช่วยให้เกิดการจ้างงาน ซึ่งคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อเป็นการบรรเทาผลกระทบในด้านเศรษฐกิจอีกทางหนึ่ง ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญระดับประเทศ