นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม เปิดเผยว่าได้เป็นประธานประชุมหารือแนวทางการบูรณาการและการประสานงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานด้านการคมนาคมทางอากาศว่า ที่ประชุมได้มอบให้กรมท่าอากาศยาน (ทย.), บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย (บวท.) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย(กพท.) นำเสนอปัญหา อุปสรรค และแนวทางออกในการแก้ไขปัญหาด้านการบินร่วมกัน เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า แม้ทั้ง 4 หน่วยงานจะมีการบูรณาการร่วมกันในการทำงานบ้างอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้นหลายกรณี โดยเฉพาะปัญหาเรื่องความปลอดภัยในการขึ้นและลงของเครื่องบินในบางสนามบิน อาทิ ท่าอากาศยานกระบี่ มีการสร้างอาคารใหม่บดบังทัศนวิสัยของหอบังคับการบินของ บวท. และท่าอากาศยานเบตง มีต้นไม้ที่บดบังทัศนวิสัยในการร่อนลงจอด เป็นต้น
นายถาวร เปิดเผยว่าภาพรวมรายได้ของธุรกิจการบินปี 63 ว่า ลดลงเหลือประมาณ 10% ซึ่งทั้งปริมาณผู้โดยสาร และรายได้ลดต่ำสุดในเดือน เม.ย.63 จากนั้นได้เริ่มปรับตัวดีขึ้นจนปัจจุบันเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50-60% แต่เมื่อเกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ มีการปรับตัวลดลงเล็กบ้าง แต่เบื้องต้นคาดว่าแนวโน้มรายได้ในปี 64 น่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าปี 63 เนื่องจากจะมีวัคซีนเข้ามาไทยในช่วงกลางเดือน ก.พ.นี้ อย่างไรก็ตามเดิมคาดว่าการบินภายในประเทศจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงปี 65-66 และระหว่างประเทศจะฟื้นตัว ปี 66-67 แต่ขณะนี้เมื่อต้องเจอกับโควิด-19 ระลอกใหม่ จึงต้องรอดูผลการประเมินจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาตา) อีกครั้ง
นายถาวร เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ ทย. เร่งจัดทำแผนหารายได้จาก 29 สนามบิน เพื่อชดเชยรายได้จากผู้โดยสารที่ลดลงในช่วงโควิด-19 อาทิ บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ(Air Cargo), บริการภาคพื้น ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ฝ่ายธุรกิจ ดูแลบริหารจัดการพื้นที่ภายในท่าอากาศยานให้เกิดประโยชน์มากที่สุด เช่น การให้เช่าพื้นที่ทำโรงซ่อมอากาศยาน (Hangar) เป็นต้น
รายงานข่าวจาก ทย. แจ้งว่า สำหรับรายได้รวมของ ทย. ปีงบประมาณ 63 อยู่ที่ 812.62 ล้านบาท ลดลง 41.56% หรือลดลงประมาณ 400 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีงบประมาณ 62
[^iIkdki