นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวในโอกาสติดตามความก้าวหน้าโครงการศึกษารูปแบบการปลูกกัญชาในระบบแปลงเปิด ณ วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์เพชรลานนา ต.แม่สุก อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ว่า กระทรวงสาธารณสุขได้ขับเคลื่อนกระบวนการต่างๆเกี่ยวกับพืชสมุนไพร “กัญชา” เช่น ปรับปรุงกฎหมาย ยกเลิกข้อห้ามต่างๆซึ่งตามขั้นตอนของภาคราชการต้องใช้เวลามาก ณ วันนี้เราสามารถปลดล็อกให้สามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วนของต้นกัญชายกเว้นดอก ซึ่งถือว่าเราเดินมาไกลพอสมควร และขั้นตอนต่อไปคือหาวิธีการให้เกษตรกร ประชาชน ผู้ที่ประสงค์ทำเป็นการเกษตร อุตสาหกรรม ขออนุญาตปลูก ประกอบการได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว แต่ต้องขอความร่วมมือจากทุกคนว่าเราเดินมาถูกทิศทาง ได้รับรู้ว่าประโยชน์ของกัญชาคืออะไร โอกาสในการสร้างรายได้ พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ เศรษฐกิจของประเทศไทย แล้วก็รายได้ของเกษตรกรเพิ่มมากขึ้นใคร่ขอให้ใช้ตามกฎหมายทุกประการ เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย และเพื่อต้องการให้ประชาชนและเกษตรกรได้เข้าถึงพืชสมุนไพรกัญชา
หลักง่ายๆตอนนี้คือเกษตรกรหรือประชาชนทั่วไปรวมตัวกันเป็นวิสาหกิจชุมชน แล้วร่วมกับ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โดยปลูกพืชสมุนไพรกัญชาที่บ้านคนละ 6 ต้น แล้วนำผลผลิตขายให้ รพ.สต. จากนั้น รพ.สต.นำไปจำหน่าย รากทุกเส้น ลำต้น ใบทุกใบ ต้องรู้ที่มาที่ไปเพราะเหล่านี้คือการควบคุม โดย อย.จะจัดการเรื่องใบอนุญาตอย่างรวดเร็วให้ อีกหน่อยอาหารบนโต๊ะจะมีใบกัญชาเป็นส่วนประกอบ
ขณะที่ด้าน นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ ได้กล่าวเสริมว่า เรื่องการผลักดันสิ่งใหม่ๆกระแสต้านและคนไม่เข้าใจพืชสมุนไพร “กัญชา” มีเยอะโดยเฉพาะภาคราชการ จากที่สภาเกษตรกรแห่งชาติได้ผลักดันแก้ไขกฎหมายให้มีบทเฉพาะกาลขึ้นทะเบียนผู้ป่วย สามารถแจ้งนิรโทษกรรม จนมาถึงการปลดล็อกใบ ต้น ราก ให้สามารถใช้ประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม วิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์เพชรลานนา ได้ทำการปลูกนำร่องสมุนไพร “กัญชา” 2 รอบ พร้อมกับเก็บเป็นงานวิจัย โดยการปลูกรอบแรกปลูกแบบในโรงเรือนและนอกโรงเรือน ส่วนรอบที่ 2 ปลูกแบบนอกโรงเรือนอย่างเดียวเพราะมั่นใจว่ากัญชาสายพันธุ์ไทยหรือลูกผสมสามารถจะงอกงามได้อย่างดีในพื้นที่ธรรมชาติของประเทศไทยหากปลูกถูกต้องตามฤดูกาล ซึ่งทุกคนเห็นเป็นที่ประจักษ์และเชื่อมั่นว่าจะทำให้เกิดการปรับตัวตามนโยบายกระทรวงสาธารณสุขในการอนุญาตให้ปลูกนอกโรงเรือนได้มากขึ้น ซึ่งต้นทุนจะต่ำมาก นอกจากนั้น สภาเกษตรกรแห่งชาติยังได้ร่วมกับคณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ทำการวิจัยเรื่องต้นทุนการผลิต สายพันธุ์ทั้งจากภาคเหนือและภาคอีสาน การเจริญเติบโต ผลผลิต การใช้น้ำ การให้ปุ๋ย เปรียบเทียบความแตกต่าง เป็นต้น