ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
นายกฯใชัม.44 ยุบ สภาวิจัยแห่งชาติ ตั้งสภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ
11 ต.ค. 2559

          โดยที่รัฐบาลได้มีนโยบายและให้ความสําคัญในการปรับปรุงโครงสร้างของหน่วยงานภาครัฐ เพื่อการพัฒนาประเทศทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งกลไกในการพัฒนาประเทศ ได้มุ่งเน้นให้มีการปฏิรูประบบวิจัยและนวัตกรรม การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และศิลปวิทยา แขนงต่าง ๆ ให้เกิดความรู้และการพัฒนาเพ่ือเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจ สังคม และเพิ่มขีด ความสามารถในการแข่งขันของประเทศและคุณภาพชีวิตของประชาชน เพื่อสนับสนุนให้การดําเนินการ ดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ จําเป็นต้องบูรณาการการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศให้ตรงตาม ความต้องการและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อลดความซ้ําซ้อน และสามารถผลักดันให้มีการนําไปใช้ ให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม ในการนี้ สมควรกําหนดให้มีสภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ เพื่อทําหน้าที่ในการกําหนดทิศทางนโยบาย ยุทธศาสตร์ รวมทั้งปรับปรุงระบบวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ตลอดจนกํากับและติดตามการบริหารจัดการ การจัดสรรงบประมาณ และประเมินผลการดําเนินการ ให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและมีเอกภาพ อันเป็นประโยชน์ต่อการแก้ไขปัญหาการวิจัยของประเทศ และปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา ๔๔ ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช ๒๕๕๗ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติโดยความเห็นชอบของคณะรักษาความสงบ แห่งชาติ จึงมีคําสั่ง ดังต่อไปนี้ ข้อ ๑ ให้มีสภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ประกอบด้วย

(๑) นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน

(๒) รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นรองประธานคนที่หนึ่ง

(๓) รองนายกรัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นรองประธานคนที่สอง

(๔) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

(๕) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

(๖) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

(๗) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

(๘) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์

(๙) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

(๑๐) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

(๑๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม

(๑๒) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

(๑๓) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

(๑๔) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

(๑๕) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

(๑๖) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

(๑๗) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

(๑๘) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม

(๑๙) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

(๒๐) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

(๒๑) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข

(๒๒) รัฐมนตรวี่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

(๒๓) ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ

(๒๔) เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา

(๒๕) เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ

(๒๖) ประธานกรรมการในคณะกรรมการการอุดมศึกษา

(๒๗) ประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย

(๒๘) ประธานที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏ

(๒๙) ประธานที่ประชุมมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล

(๓๐) ประธานมูลนิธิบัณฑิตยสภาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย

(๓๑) ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

(๓๒) ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

(๓๓) ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

(๓๔) เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ

(๓๕) เลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ

(๓๖) ผู้ทรงคุณวุฒิที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจํานวนไม่เกินแปดคน ให้เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และเลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการนโยบาย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ เป็นเลขานุการร่วม และให้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่จํานวน ไม่เกินสองคนเป็นผู้ช่วยเลขานุการ ในกรณีที่รัฐมนตรีตามวรรคหนึ่งผู้ใดไม่สามารถเข้าร่วมประชุมในครั้งใดได้ รัฐมนตรีผู้นั้น อาจมอบหมายข้าราชการในกระทรวงของตนคนหนึ่งเข้าร่วมประชุมแทน สภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติต้องมีการประชุมอย่างน้อยปีละสี่ครั้ง

ข้อ ๒ ให้สภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติมีอํานาจหน้าที่ ดังต่อไปนี้

(๑) กําหนดทิศทางและนโยบายการดําเนินงานของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรม ของประเทศให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

(๒) กําหนดแผนที่นําทาง (Roadmap) เกี่ยวกับนโยบายและยุทธศาสตร์ระบบวิจัยและ นวัตกรรมของประเทศ ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว และยุทธศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม รายสาขาใหสอดคล ้ ้องกับนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์ชาติ

(๓) กํากับ เร่งรัด และติดตามให้มีการปรับปรุงและแก้ไขโครงสร้าง ภารกิจ อํานาจหน้าที่ ของหน่วยงานในระบบวิจัยและนวัตกรรมให้มีความเชื่อมโยงและสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ระบบวิจัยและ นวัตกรรมของประเทศ ตลอดจนเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีให้มีการจัดตั้งหน่วยงานเพื่อรองรับ ความต้องการในด้านการวิจัยและนวัตกรรม

(๔) กํากับ เร่งรัด และติดตามให้มีการปรับปรุงและแก้ไขระบบหรือกลไกการบริหารจัดการงานวิจัย และนวัตกรรมให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถนําผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่มีอยู่เดิม และที่เกิดขึ้นใหม่ ไปใช้ในเชิงวิชาการ เชิงพาณิชย์ เชิงสังคม และเชิงนโยบาย ให้เป็นรูปธรรมและเกิดประโยชน์สูงสุด

(๕) กํากับ เร่งรัด และติดตามให้มีการจัดทําแผนพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัย วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี และนวัตกรรมของประเทศ รวมถึงการพัฒนาทักษะด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมให้กับ บุคลากรด้านแรงงานในระดับต่าง ๆ

(๖) กําหนดระบบการจัดสรรและบริหารงบประมาณแบบบูรณาการที่มุ่งผลสัมฤทธ์ิในลักษณะ เป็นก้อน (Block Grant) ตามโปรแกรมวิจัยและนวัตกรรม (Program-based) ให้สอดคล้องกับระบบวิจัย และนวัตกรรมของประเทศ และยุทธศาสตร์วิจัยและนวัตกรรมรายสาขา รวมทั้งกําหนดระบบการติดตาม และประเมินผลที่มีความต่อเนื่อง

(๗) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการกําหนดมาตรการและแรงจูงใจทางภาษีและ สิทธิประโยชน์ สําหรับการระดมทุน การพัฒนากองทุน การจัดสรรเงินจากกองทุน และเงินทุนของ หน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งความร่วมมือกับเอกชน ประชาสังคม และต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมการวิจัย และนวัตกรรมให้เกิดผลเป็นรูปธรรม

(๘) เสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อให้มีการเร่งรัด และติดตามให้มีการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย กฎ ระเบียบ และข้อบังคบทั ี่เกี่ยวข้อง รวมถึงกระบวนการออกใบอนุญาต การกําหนดและรับรองมาตรฐาน และการจดทะเบียนและคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อรองรับการขับเคลื่อนและปฏิรูประบบวิจัย และนวัตกรรม รวมทั้งอํานวยความสะดวกในการนําผลงานวิจัยและนวัตกรรมไปสู่การใช้ประโยชน์ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและคุณภาพชีวิตของประชาชน

(๙) แต่งตั้งคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะทํางานเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติงาน ได้ตามความจําเป็น

(๑๐) เชิญเจ้าหน้าที่ บุคคล หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องมาชี้แจงให้ข้อมูลและข้อแนะนํา เพื่อประกอบ การพิจารณาดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ได้ตามความจําเป็น

(๑๑) รายงานผลการดําเนินงานและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อทราบหรือเพื่อพิจารณา ให้ความเห็นหรืออนุมัติ แล้วแต่กรณี ข้อ ๓ ให้สํานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และสํานักงานคณะกรรมการนโยบาย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ รับผิดชอบงานธุรการและสนับสนุนการทํางานของ สภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ และคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ หรือคณะทํางาน ที่แต่งตั้งขึ้นตามคําสั่งนี้ การเบิกจ่ายเบี้ยประชุม ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยเบี้ยประชุมกรรมการ ส่วนค่าใช้จ่าย ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการอื่น ๆ ที่จําเป็น ให้เบิกจ่ายได้ตามระเบียบของทางราชการ โดยเบิกจ่าย จากงบประมาณของสํานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และสํานักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่สภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ กาหนด ํ ข้อ ๔ เพื่อประโยชน์ในการบูรณาการและลดความซ้ําซ้อนในการวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ ให้ยุบเลิกสภาและคณะกรรมการดังต่อไปนี้ และให้โอนอํานาจหน้าที่ไปเป็นของสภานโยบายวิจัยและ นวัตกรรมแห่งชาติตามคําสั่งนี้

(๑) สภาวิจัยแห่งชาติ คณะกรรมการบริหาร และคณะกรรมการสาขาวิชาการ ตามกฎหมาย ว่าด้วยสภาวิจัยแห่งชาติ

(๒) คณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ตามกฎหมาย ว่าด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ

(๓) คณะกรรมการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ ตามคําสั่งสํานักนายกรัฐมนตรี ที่ ๓๖/๒๕๕๘ เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบนวัตกรรมของประเทศ ลงวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ ข้อ ๕ การโอนอํานาจหน้าที่ตามข้อ ๔ (๒) ไม่รวมถึงอํานาจหน้าที่ของคณะกรรมการนโยบาย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ตามความในมาตรา ๑๒ (๖) (๗) (๘) และ (๙) มาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๖ วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม แห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๕๑ โดยให้โอนไปเป็นของคณะกรรมการบริหารสํานักงานคณะกรรมการนโยบาย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ข้อ ๖ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องและคล่องตัวในการดําเนินการของสํานักงานคณะกรรมการ วิจัยแห่งชาติ ให้สภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติมีอํานาจแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารสํานักงาน คณะกรรมการวิจัยแห่งชาติเพื่อทําหน้าที่กํากับการปฏิบัติงานของสํานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติได้ตามความเหมาะสม โดยในระหว่างนี้มิให้นําความในมาตรา ๑๓ มาตรา ๑๔ และมาตรา ๑๕ แห่งพระราชบัญญัติสภาวิจัยแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๐๒ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๓๑๕ ลงวันที่ ๑๓ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๕ และพระราชบัญญัติสภาวิจัยแห่งชาติ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๕๐๗ มาใช้บังคับ ข้อ ๗ ให้สภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติมีอํานาจมอบหมาย สั่งการ หรือกําหนด หลักเกณฑ์การดําเนินการในเรื่องใดเพื่อให้สํานักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และสํานักงาน คณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่ ที่กําหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องได้ตามความจําเป็นและเหมาะสม ข้อ ๘ ในกรณีเห็นสมควรนายกรัฐมนตรีหรือหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องอาจเสนอให้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติแก้ไขเปลี่ยนแปลงคําสั่งนี้ได้ ข้อ ๙ บรรดาบทบัญญัติแห่งกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คําสั่ง หรือมติ คณะรัฐมนตรีใด ที่อ้างถึงสภาวิจัยแห่งชาติ หรือคณะกรรมการบริหารตามกฎหมายว่าด้วยสภาวิจัยแห่งชาติ หรือคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ตามกฎหมายว่าด้วย วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ ให้ถือว่าอ้างถึงสภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ ตามคําสั่งนี้ ข้อ ๑๐ คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ ๖ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...