‘ศักด์สยาม’ ย้อน ‘จิรายุ’ อย่าอภิปรายแบบใช้จินตนาการ ลีลาฟังแล้วเคลิ้ม แต่ไม่พูดให้ครบ ย้ำรถไฟฟ้าสายสีส้มยังไม่มีใครชนะประกวดราคา เพราะยังไม่เปิดซอง แจงค่าโดยสารสายสีเขียวทั้งโครงข่าย 158 บาทไม่เป็นความจริง

18 ก.พ. 2564 นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลช่วงหนึ่งว่า โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มมี 2 ส่วนคือ ฝั่งตะวันออก ตั้งแต่มีนบุรีถึงศูนย์วัฒนธรรมที่จะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จปี 2567 ปัจจุบันมีความก้าวหน้าอยู่ที่ 76 เปอร์เซ็นต์ จะต้องเปิดให้บริการในเดือน ต.ค. 2567 เป็นสัญญาการก่อสร้างเรื่องงานโยธาเป็นหลัก และฝั่งตะวันตก จากศูนย์วัฒนธรรมถึงบางขุนนนท์ ที่ดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2563 ซึ่งอยู่ระหว่างการคัดเลือกบริษัทเอกชนตาม พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน และขั้นตอนการประกวดราคาจะรวมเรื่องระบบเดินรถและขบวนรถด้วย โดยจะต้องเปิดให้บริการในเดือน เม.ย. 2570 

ทั้งนี้ หากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตกไม่สามารถดำเนินการได้ รถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันออกก็ไม่สามารถเปิดการเดินรถได้ ยืนยันว่า กระทรวงคมนาคมติดตามการดำเนินงานในการก่อสร้าง มีการขุดอุโมงค์ฝั่งตะวันออกระยะทางมากพอสมควร สำหรับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนนั้น เป็นการดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมลงทุน ไม่ได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้าง การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้แต่งตั้งคณะกรรมการมาคัดเลือก

นายศักดิ์สยาม กล่าวอีกว่า กระทรวงคมนาคมทำหนังสือหารือถึงแนวทางการปฏิบัติงานไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ความว่า มติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 28 ม.ค. 2563 เป็นการอนุมัติตามหลักการเท่านั้น ส่วนรายละเอียดในการดำเนินงานเป็นหน้าที่ของ รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือก ที่จะดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยขั้นตอนการคัดเลือกเอกชนนั้น รฟม.เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ก.พ. 2563

สำหรับเหตุผลในการเปลี่ยนเกณฑ์การประเมินรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตก เนื่องจากปัญหาและผลกระทบในโครงการที่ผ่านมา เพราะต้องดูเรื่องเทคนิคให้ดี ต้องทำอุโมงค์รอดผ่านชุมชนหนาแน่น ย่านเมืองเก่า และธุรกิจการค้า ทำให้มีเอกชนรายหนึ่งไปร้องเรียนฟ้องต่อศาลปกครองกลาง คณะกรรมการคัดเลือกพิจารณารอบด้านแล้วว่า โครงการฯ ถ้าเสร็จไม่ตามแผนจะทำให้ฝั่งตะวันออกที่จะต้องเปิดนั้นเปิดไม่ได้ เพราะระบบการเดินรถและการหาขบวนรถอยู่ในสัญญาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฝั่งตะวันตก การยกเลิกประกาศเชิญชวนและเริ่มการคัดเลือกใหม่ จะกำหนดกรอบแนวทางใหม่ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบราชการ โดยดำเนินการภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และผู้เสนอไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายใดๆ ได้ ตนจึงได้หารือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี และสั่งการให้ รฟม.ดำเนินการตามกฎหมายเคร่งครัด

“เรื่องนี้กล่าวหาว่าผมดำเนินการเอื้อประโยชน์ ถามว่าเอื้อประโยชน์ใคร และใครได้ประโยชน์ เพราะโครงการนี้ยังไม่มีการตัดสินว่าใครชนะการประกวดราคา ยังไม่มีการเปิดซอง ยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมดำเนินการตามกรอบกฎหมายและอำนาจหน้าที่ รวมทั้งนายกฯ ก็สั่งการเรื่องเหล่านี้มาตลอด ถามว่าผิดกฎหมายตรงไหน และเกี่ยวข้องกับ รมว.คมนาคมตรงไหนที่ไม่ไปกำกับดูแล สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่เอาข่าวมาปะติดปะต่อ ใช้จินตนาการของท่านหรือไม่ ลีลาการอภิปรายฟังแล้วเคลิ้ม แต่ไม่พูดให้ครบ” นายศักดิ์สยากล่าว

นายศักดิ์สยาม กล่าวด้วยว่า สำหรับการขยายโครงการสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ประเด็นที่อ้างว่าค่าโดยสารสายสีเขียวทั้งโครงข่ายสูงสุด 158 บาท เป็นผลการศึกษาของ รฟม.นั้นไม่เป็นความจริง เพราะยังไม่เคยศึกษาสายสีเขียวทั้งโครงข่าย การคิดค่าโดยสารคิดตามระยะทางที่เดินทางจริง และคิดค่าแรกเข้าเพียงครั้งเดียว มีราคาค่าโดยสารสูงสุดคือสีเขียวเหนือ 52 บาท และสีเขียวใต้ 36 บาท สำหรับสายสีแดง สายสีชมพู และสายสีเหลือง เก็บค่าแรกเข้าเพียงครั้งเดียว ยกเว้นค่าแรกเข้าเมื่อมีการเดินทางเชื่อมต่อ เพราะตนได้ให้นโยบายต่อ รฟม.ว่า การเดินทางในโครงข่ายรถไฟฟ้าภายใต้สังกัดกระทรวงคมนาคมต้องไม่มีการเรียกเก็บค่าแรกเข้าซ้ำซ้อน เพื่อช่วยลดภาระให้กับประชาชน ส่วนที่บอกว่ารัฐบาลตั้งตัวเลขและโครงการเพื่อนำมาซึ่งผลประโยชน์นั้น ยืนยันว่าการดำเนินการทุกอย่างมีเหตุผล มีที่มา และขั้นตอนตามลำดับ