‘พิธา’กระตุ้นสภาฯ ลงมติคว่ำ ‘ประยุทธ์’ ด้านนายกฯ ยืนยัน ไม่ใช่ศัตรูกับใคร แจงพร้อมรับคำแนะนำสภาฯ ไปแก้ไขเพื่อประโยชน์ของประชาชน พร้อมสอบสวนเรื่องที่ไม่ชัดเจนให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
19 ก.พ. 2564 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายสรุปญัตติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลช่วงหนึ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ทำลายความสัมพันธ์อันดีของประชาชนกับสถาบัน สร้างความเสื่อมเสียให้กับสถาบัน เพราะตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ไม่เข้าใจบทบาท อ้างเป็นเกราะคุ้มกันตัวเอง และยังมีการใช้กฎหมายอาญามาตรา 112 กับประชาชน ซึ่งการใช้มาตรา 112 พร่ำเพรื่อไม่เป็นผลดี และยังเป็นความย้อนแย้ง เพราะตอนแรกนายกฯ อ้างว่าไม่ใช้มาตรา 112 เพราะพระเมตตา แต่เมื่อมีการใช้มาตรา 112 แล้วจะให้ประชาชนคิดอย่างไร นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังพูดถึงสถาบันอย่างไม่ระมัดระวัง ทั้งเรื่องวัคซีนที่มีการอ้างเรื่องพระมหากรุณาธิคุณ หรือกรณีนายกฯ นำคณะรัฐมนตรีกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ซึ่งกล่าวข้อความไม่ครบ แต่ พล.อ.ประยุทธ์กลับอ้างสถาบันเพื่อปกป้องตัวเองอีกด้วย
นายพิธา กล่าวอีกว่า การอ้างสถาบันเพื่อปกป้องตัวเองของ พล.อ.ประยุทธ์ ส่งผลร้ายกับสถาบัน ถือเป็นการกระทำอันเลวร้าย และไม่สมควรเป็นนายกฯ อีกต่อไป ถึงเวลาที่สภาฯ ต้องเลือกระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์หรือประเทศ ถ้าไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ก็เท่ากับสภาฯ แห่งนี้เห็นชอบกับการกระทำอันเลวร้ายของ พล.อ.ประยุทธ์ ทั้งการทำไอโอ ทุจริตงบประมาณกองทัพ การใช้กฎหมายมาตรา 112 เป็นเรื่องปกติ ซึ่งตนไม่คิดว่า สามัญสำนึกสภาฯ จะเห็นชอบให้ พล.อ.ประยุทธ์ปัดความรับผิดชอบและดึงสถาบันลงมา หากเลือกประเทศต้องลงมติไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งจะเป็นการถอดสลักตัวแรกเพื่อทำให้ประเทศเดินหน้า ยกเลิกเส้นแบ่งความขัดแย้งของประเทศจากการที่มีคนอ้างเรื่องสถาบันสร้างความแตกแยก ดังนั้น หากเรากล้าพอ พรุ่งนี้ (20 ก.พ.)จะเป็นเวลาเดียวในรอบ 7 ปี ที่สภาฯ จะได้แสดงว่า สภาฯ แห่งนี้ คือสภาผู้แทนราษฎร ไม่ใช่สภาฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้ลุกขึ้นชี้แจงว่า ตนรับทราบข้อมูลต่างๆ และคำอภิปรายที่เป็นประโยชน์ก็พร้อมจะนำไปติดตามดูแล แก้ไข อย่างไรก็ตาม ขอชี้แจงว่า ข้าราชการทหารที่ปฏิบัติงานตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นการทำหน้าที่ในนามของรัฐบาล ไม่ได้รับเงินทวีคูณ นอกจากนี้ ต้องกล่าวขอโทษที่เคยพูดเรื่องเซลล์สมอง ที่เคยบอกว่ามี 84,000 เซลล์ แต่จริงๆ แล้วเซลล์สมองมีถึง 84,000-100,000 ล้านเซลล์ แต่ตนคงมีเซลล์สมองไม่น้อยไปกว่าท่าน ทั้งนี้ การทำงานเกี่ยวกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจในแง่มุมต่างๆ การจัดการโครงสร้างพื้นฐานที่มีแผนทั้งประเทศอยู่แล้ว การลงทุน ลดน้ำท่วม จะมีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้น แต่ละโครงการจะมีการตรวจสอบให้เกิดประโยชน์จริงๆ เพราะเป็นเงินของราชการ ทุจริตไม่ได้ ยืนยันว่า ไม่ต้องการให้ใครหาว่ามายึดครองไทย แต่ต้องการสร้างความสมดุลระหว่างกัน และยืนยันว่า ฐานะของประเทศเราดีในเวทีต่างประเทศ
“ยืนยันว่าผมไม่ใช่ศัตรูกับใคร ขอขอบคุณทุกคน ขอขอบคุณในคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ ผมจะรับไปแก้ไขในสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน และสิ่งที่ไม่ชัดเจน สิ่งที่ทุจริต ก็จะเร่งดำเนินการแก้ไข สอบสวน ดำเนินการให้เข้าสู่ระบบของกระบวนการยุติธรรม” นายกรัฐมนตรีกล่าว