ปากเสียงของคนท้องถิ่น เพื่อการพัฒนาประเทศ
คุณภาพชีวิต ย้อนกลับ
อภ.คว้ารางวัลเด่นระดับอาเซียน3ปีติดต่อกัน
20 มี.ค. 2564

        นพ.วิฑูรย์  ด่านวิบูลย์ ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า  องค์การเภสัชกรรม ได้รับรางวัล “Best Bioprocessing Excellence in South East Asia”  จากงานสัมมนาด้านชีววัตถุ เรื่อง Biologics Manufacturing Asia and Biologistics World Asia 2021 ครั้งที่ 8 ซึ่งจัดโดย IMAPAC ประเทศสิงคโปร์   ในปีนี้เป็นการมอบรางวัลผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งการรับรางวัลครั้งนี้นับเป็นการรับรางวัลครั้งที่ 3 ขององค์การเภสัชกรรม โดยครั้งแรกรับรางวัลเมื่อปี พ.ศ.2560 และครั้งที่ 2 เมื่อปี 2563  การพิจารณารางวัลนี้ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการพิจารณาของคณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้ง โดยพิจารณาจากองค์กรที่มีการดำเนินการวิจัย พัฒนา และผลิตชีววัตถุ/วัคซีน  อย่างต่อเนื่อง จนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และอีกส่วนหนึ่งจากการโหวต           ของผู้เข้าร่วมสัมมนา และผู้ที่เคยเข้าร่วมสัมมนา โดยมีหน่วยงานที่ได้รับการคัดเลือกเพื่อเสนอชื่อเป็น Final lists ในหมวด “Best Bioprocessing Excellence in South East Asia” นี้ จำนวน 5 หน่วยงาน                 จาก 4 ประเทศ ได้แก่ ผู้ผลิตจากประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ และประเทศไทย สำหรับรางวัลนี้ ปกติในทุก ๆ ปี จะต้องเข้ารับที่ประเทศสิงคโปร์ พร้อมกับการสัมมนาเพื่อเสนอข้อมูลการพัฒนาผลิตภัณฑ์            ชีววัตถุในกลุ่มวัคซีน ชีววัตถุของประเทศต่าง ๆ  แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19        ทางคณะผู้จัดงานจึงกำหนดให้รับรางวัลผ่านระบบออนไลน์ เพื่อเป็นลดความเสี่ยงจากการติดโรคโควิด-19  โดยการรับรางวัลจะมีขึ้นในวันที่ 16 มีนาคม 2564 เวลา 17.00 น. ณ ประเทศสิงคโปร์

            ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวต่อไปว่า รางวัลนี้มอบให้เพื่อประกาศเกียรติคุณแก่หน่วยงานอุตสาหกรรมที่มีผลงานยอดเยี่ยม มีงานนวัตกรรมในด้านกระบวนการผลิตชีววัตถุในแถบเอเชียแปซิฟิก               ซึ่งองค์การเภสัชกรรม มีผลงานที่โดดเด่น ด้านนวัตกรรม การพัฒนา และผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่  การวิจัย พัฒนา โดยเฉพาะในปีนี้ที่องค์การเภสัชกรรมได้นำเทคโนโลยีการผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่มาปรับเพื่อใช้ในการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยองค์การเภสัชกรรมได้ร่วมมือกับหน่วยงานต่างประเทศในการวิจัยและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มาตั้งแต่ปี 2563 โดยหัวเชื้อไวรัสตั้งต้นดังกล่าวเกิดจากการตัดแต่งพันธุกรรมไวรัสนิวคาสเซิล ให้มีโปรตีนส่วนหนาม (Spike protein) ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 อยู่ที่ผิว ซึ่งไวรัสที่ตัดแต่งพันธุกรรมนี้นอกจากจะมีความปลอดภัยไม่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 แล้ว ยังสามารถเพิ่มจำนวนในไข่ไก่ฟักได้เหมือนกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ องค์การเภสัชกรรมจึงสามารถใช้เทคโนโลยีการใช้ไข่ไก่ฟักที่มีอยู่ในการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิดนี้ได้ จากการทดสอบความเป็นพิษในหนูแรท (rats)  ที่ประเทศอินเดีย และการทดสอบประสิทธิภาพ (Challenge study) และความสามารถในการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Immunogenicity Study) ในหนูแฮมสเตอร์ (Hamsters) ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าวัคซีนมีความปลอดภัย มีความสามารถในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อโปรตีนหนามของไวรัสโคโรนาและมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่  2019  ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขออนุญาตดำเนินการศึกษาวิจัยในมนุษย์จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) คาดว่าจะสามารถเริ่มศึกษาวิจัยในมนุษย์ระยะที่ 1 ได้ในวันที่ 22 มีนาคมนี้ “รางวัลนี้จะเป็นกำลังใจสำคัญของทีมงานองค์การเภสัชกรรม ในการที่จะขับเคลื่อนการวิจัย พัฒนาและผลิตชีววัตถุ/วัคซีน เพื่อความมั่นคง การพึ่งพาตนเอง ของประเทศไทย” ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรมกล่าว

 

หนังสือพิมพ์ OPT NEWS ONLINE
วันที่ 16 - 30 พฤศจิกายน 2567
อปท.นิวส์เชิญเป็นแขก ดูทั้งหมด
12 ก.ย. 2567
กล่าวได้ว่าบทบาทของตำรวจไทยทั้งในอดีตและปัจจุบัน หลายท่านหลายคน หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย ความยากลำบากในการผดุงความยุติธรรม ไล่จับคนร้ายทั้งตัวใหญ่ตัวเล็กมาตลอดชีวิตราชการ เห็นความทุกข์ยาองประชาชน เห็นปัญหาของสังคมในทุกแง่มุม อดไม่ได้ที่หลังเกษียณจะก้าวเข้าส...