ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน นายสิธิชัย จินดาหลวง ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน มอบหมายให้ นายศิริวัฒน์ บุปผาเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และคณะลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีการเกิดไฟป่าในเขตพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน ที่บ้านน้ำเพียงดิน เพื่อพบชุดปฏิบัติการระดับหมู่บ้าน อาสาสมัคร และชุดทหารเฉพาะกิจ ในประเมินสถานการณ์การลุกลามไฟป่าเป็นเวลาติดต่อกัน 3 วัน พื้นที่ป่าเสียหายจำนวนกว่า 1,000 ไร่
ทั้งนี้ จากการสรุปของหมู่บ้านน้ำเพียงดิน แจ้งว่า พื้นที่ป่าดังกล่าวอยู่ในเขตที่สูงชัน และไม่มีการจัดทำแนวกันไฟในเขตพื้นที่ป่าไว้แต่อย่างใด ประกอบกับ ห้วงนี้อากาศร้อนอาจทำให้เกิดลมกรรโชก ดังนั้น การส่งกำลังภาคพื้นดินเข้าไปดับไฟจะเกิดอันตรายขึ้นได้
นอกจากนี้ ชุดหมู่บ้าน และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้ประเมินสถานการณ์ให้ทราบว่า บริเวณพื้นที่ป่าด้านล่างจะมีแม่น้ำปายกั้น ส่งผลให้จะสามารถควบคุมไฟป่าได้ในท้ายที่สุด เว้นแต่คืนนี้จะมีลมกระโชกแรง จะทำให้ไฟลุกลามหรือสเก็ดไฟข้ามเข้าเขตพื้นที่หมู่บ้านได้ง่าย
ที่ประชุมร่วมจึงมีมติ ในเบื้องต้นขอให้หมู่บ้านน้ำเพียงดินจัดทำแนวกันไฟให้รอบหมู่บ้าน มอบหมายให้ชุดหมู่บ้านเตรียมความพร้อมเผชิญเหตุหากไฟลุกลามเข้าเขตพื้นที่หมู่บ้าน การให้ชุดกำลังทหารเฝ้าระวังเหตุเนื่องจากมีฐานที่ตั้งอยู่ใกล้พื้นที่เสี่ยง หากพบการลุกลามของไฟป่าใกล้พื้นที่เสี่ยงให้แจ้งเตือน ชาวบ้านต่อไป
ทั้งนี้ข้อสังเกตของที่ประชุม ระบุว่าบริเวณพื้นที่ป่า วนอุทยานนี้ ไม่ได้รับจัดสรรจัดทำแนวกันไฟป่า และแนวกันไฟที่ชาวบ้านจัดทำขึ้นเองก็มีขนาดเล็ก ในพื้นที่หมู่บ้านสมควรได้รับการสนับสนุนสร้างการเรียนรู้การนำใบไม้ที่ร่วงมาเพิ่มมูลค่าแทนการเผา และการจัดทำแนวกันไฟป่าที่ถูกต้องต่อไป โดยจัดกิจกรรมปรับเปลี่ยนทัศนคติเกี่ยวกับการเผาป่าจาก “เรื่องปกติที่ใครๆก็ทำ” เป็น “เรื่องกระทบคุณภาพชีวิต ที่จำเป็นต้องควบคุมการเกิดไฟป่าตามหลักวิชาการต่อไป