นายวัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันดิบยังคงผันผวน จากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด- 19 ระลอกใหม่ในหลายประเทศ โดยเฉพาะอินเดีย ที่มียอดผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันของตลาด ในขณะที่ IEA คาดการณ์ว่าแนวโน้มอุปสงค์น้ำมันดิบในตลาดโลกจะปรับเพิ่มเป็น 96.7 ล้านบาร์เรล/วัน ในปี 2564 นี้ สอดคล้องกับกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ที่คาดการณ์ว่าอุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกปีนี้จะเพิ่มขึ้นราว 6 ล้านบาร์เรล/วัน รวมถึงคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวจาก 5.1% เป็น 5.4% ในปีนี้ด้วย อย่างไรก็ตามตลาดยังคงจับตาการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่าน เกี่ยวกับการทำข้อตกลงนิวเคลียร์ฉบับใหม่ และประเมินผลกระทบในตลาดน้ำมันจากการที่สหรัฐฯ ดำเนินการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยรัสเซียเป็นหนึ่งในผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นสมาชิกของโอเปกพลัส
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันของประเทศไทยแตกต่างกับประเทศเพื่อนบ้าน หากพิจารณาจากโครงสร้างราคาน้ำมันอ้างอิงนั้น จะประกอบด้วย 1) ต้นทุนเนื้อน้ำมัน (ร้อยละ 40 – 60) คือ ต้นทุนน้ำมันสำเร็จรูปที่ผลิตจากโรงกลั่น ซึ่งอ้างอิงราคาตามตลาดกลางภูมิภาคเอเซีย 2) ภาษีต่างๆ (ร้อยละ 30 – 40) ได้แก่ ภาษีสรรพสามิต ภาษีเทศบาล และภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อนำมาใช้เป็นงบประมาณในการพัฒนาประเทศ และบำรุงท้องถิ่น 3) กองทุนต่างๆ (ร้อยละ 5 – 20) เช่น กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง: เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศไม่ให้เกิดความผันผวน กองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน: เพื่อส่งเสริมสนับสนุนพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน เพื่อประสิทธิภาพและลดการใช้พลังงาน 4) ค่าการตลาด (ร้อยละ 10 – 18) คือ ส่วนที่เป็นต้นทุน ค่าใช้จ่าย และกำไรของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันทั้งระบบ ตั้งแต่ การจัดการคลังน้ำมัน การขนส่งน้ำมันมายังสถานีบริการ รวมถึงการให้บริการของสถานีบริการที่เติมน้ำมันแต่ละลิตรให้กับประชาชน นายวัฒนพงษ์ฯ กล่าวปิดท้าย
สถานการณ์ราคาน้ำมันโลก (12 – 18 เมษายน 2564)
ราคาน้ำมันดิบราคาน้ำมันดิบดูไบและเวสต์เท็กซัส เฉลี่ยอยู่ที่ $62.88 และ $61.92 ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว $1.64 และ $2.59 ต่อบาร์เรล โดยสำนักงานพลังงานสากล (IEA) เพิ่มการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกเป็น 5.7 ล้านบาร์เรล/วัน จากคาดการณ์ก่อนหน้าไว้ที่ 5.5 ล้านบาร์เรล/วัน ใกล้เคียงกับกลุ่มโอเปกที่คาดว่าอุปสงค์น้ำมันดิบทั่วโลกจะสามารถเพิ่มขึ้น 6 ล้านบาร์เรล/วัน
ราคากลางน้ำมันสำเร็จรูปในตลาดภูมิภาคเอเชีย
ราคาน้ำมันเบนซิน ราคาน้ำมันเบนซินออกเทน 95, 92 และ 91 (Non-Oxy) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ $73.82, $71.46 และ $72.59 ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว $1.57, $1.55 และ $1.59 ต่อบาร์เรล จากอุปทานน้ำมันเบนซินในตะวันออกกลางมีปริมาณน้ำมันเบนซินคงคลังลดลง 3% อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
ราคาน้ำมันดีเซล (10 PPM) เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ $68.79 ต่อบาร์เรล ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ที่แล้ว $1.88 ต่อบาร์เรล ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในภูมิภาคมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันดีเซลของเวียดนามที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 8 เดือน
ค่าเงินบาทของไทย อ่อนค่าลงจากสัปดาห์ที่แล้ว 0.02 บาท/เหรียญสหรัฐฯ มาอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 31.5645 บาท/เหรียญสหรัฐฯ (ต้นทุนน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 0.32 บาท/ลิตร น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น 0.38 บาท/ลิตร) ค่าการตลาดของน้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล และน้ำมันดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2.28 บาท/ลิตร และค่าการกลั่น เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 0.52 บาท/ลิตร
ฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (ณ วันที่ 18 เม.ย. 64) กองทุนน้ำมันฯ มีสินทรัพย์รวม 57,027 ล้านบาท หนี้สินกองทุนน้ำมันฯ 35,248 ล้านบาท ฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิ 21,779 ล้านบาท (บัญชีน้ำมัน 33,637 ล้านบาท บัญชี LPG
-11,858 ล้านบาท