“เกษตรฯ-สภาอุตสาหกรรมฯ” เดินหน้า “5 ยุทธศาสตร์ เฉลิมชัย” ระดมนักบริหารมืออาชีพ” เร่งเครื่องโครงการเขตอุตสาหกรรมเกษตรอาหารกระจายการลงทุน 18 กลุ่มจังหวัด สร้างสมดุลใหม่ในการพัฒนาประเทศ
นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.) เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ว่า หลังจาก กรกอ.มีมติเห็นชอบ “โครงการ 1 กลุ่มจังหวัด 1 นิคมอุตสาหกรรม” และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารให้เป็นกลไกบริหารโครงการ
ล่าสุดที่ประชุมคณะอนุกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารครั้งที่ 1/2564 ได้กำหนดแนวทางการพัฒนาเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารภายใต้ “5 ยุทธศาสตร์ของดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ” และมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 28 เมษายน 2563 ว่าด้วย “มาตรการการพัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปอาหาร ปี พ.ศ. 2562-2570” ตั้งเป้าขับเคลื่อนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารท็อปเทนของโลก ควบคู่กับการพัฒนาเศรษฐกิจสีเขียวบนฐานเกษตร 4.0 เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างยั่งยืน
โดยการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารใน 18 กลุ่มจังหวัด เพื่อกระจายการลงทุนเพิ่มการจ้างงานและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรทั่วทุกภูมิภาคตามศักยภาพของแต่ละกลุ่มจังหวัด ซึ่งขณะนี้มีถึง 9 กลุ่มจังหวัดที่สนใจโครงการนี้และเสนอพื้นที่ดำเนินการ บางกลุ่มจังหวัดเริ่มดำเนินการแล้วเช่นกลุ่มจังหวัดอีสานเหนือที่อุดรธานีและกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนบนที่อ่างทอง
“การกระจายการลงทุนใน 18 กลุ่มจังหวัด จะเกิดฐานการแปรรูปสินค้าเกษตรทั่วประเทศ เป็นการสร้างสมดุลใหม่ในการพัฒนาประเทศและแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เราจะเร่งเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ โดยคณะที่ปรึกษาให้พิจารณาจากนิคมอุตสาหกรรมทั่วประเทศที่มีอยู่แล้ว โดยเพิ่มโซนอุตสาหกรรมเกษตรอาหารในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมเดิม หรือถ้าลงทุนใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องทำเป็นนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่เท่านั้น แต่สามารถเริ่มจากเขตประกอบการอุตสาหกรรมหรือเขตชุมชนอุตสาหกรรมเพื่อรองรับเอสเอ็มอี เกษตร สหกรณ์และวิสาหกิจชุมชน” นายอลงกรณ์ กล่าว
ด้านนายยงวุฒิ เสาวพฤกษ์ ประธานคณะอนุกรรมการฯ กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้กำหนด 4 มาตรการการขับเคลื่อนได้แก่ 1. มาตรการสร้างนักรบอุตสาหกรรมอาหารพันธุ์ใหม่ (Food Warrios) เป็นมาตรการสร้างผู้ประกอบอาหารรุ่นใหม่ ให้มีนวัตกรรมอาหาร โดยให้ความสําคัญกับการผลิตอาหารอนาคต (Future Food) เช่น อาหารสุขภาพ (Healthy Foods) ผลิตภัณฑ์อาหารจากเทคโนโลยีชีวภาพ (Food Biotechnology Products) และอาหารใหม่ (Novel Food)
2. มาตรการสร้างนวัตกรรมอาหารอนาคต (Future Food Innovation) เป็นการยกระดับนวัตกรรมอาหารอนาคตสู่การผลิตเชิงพาณิชย์ โดยนําเอานวัตกรรมมาใช้ในการผลิต และแปรรูปอาหาร และสนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์ฉลาด (Intelligence Packaging ) 3. มาตรการสร้างโอกาสทางธุรกิจเกษตรและอาหาร (New Marketing Platform) ทั้งในและต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์ม (Platform) ออนไลน์
4. มาตรการสร้างปัจจัยพื้นฐานเพื่อเร่งการพัฒนาอุตสาหกรรม (Enabling) ที่เอื้อต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารของไทย และกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยจะดึงผู้ผลิตรายใหญ่ (Global Player) เข้ามาเป็น Big Brother มีส่วนร่วมในการพัฒนาควบคู่ไปกับการเสริมสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมและการพัฒนาเกษตรกรเข้าสู่ระบบ Smart Farming รวมถึงการกําหนดเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพอาหาร
โดยจะมีการดําเนินงาน 5 ขั้นตอน ดังนี้ 1. กําหนดพื้นที่ใน 18 กลุ่มจังหวัด และสินค้าเป้าหมายในการส่งเสริมเขตอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ดําเนินการโดยคณะอนุกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร 2 .จังหวัดจัดทําข้อมูลรายละเอียดศักยภาพของพื้นที่และสินค้าเป้าหมาย พร้อมทั้งจัดทําแนวทางการพัฒนาเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารในแต่ละกลุ่มจังหวัดดําเนินการโดยสํานักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด ร่วมกับสํานักงานอุตสาหกรรมจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัดและศูนย์เทคโนโลยีเกษตรและนวัตกรรม (AIC)
3. จัดทํามาตรการส่งเสริมการลงทุน ดําเนินการโดยสํานักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 4. นํามาตรการจูงใจและข้อเสนอของจังหวัดมาจัดทําแนวทางการจัดตั้งเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ดําเนินการโดยคณะอนุกรรมการส่งเสริมอุตสาหกรรม เกษตรและอาหาร 5. นําเสนอผลการดําเนินงานต่อคณะกรรมการความร่วมมือระหว่างกระทรวง เกษตรและสหกรณ์ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กรกอ.)ให้ความเห็นชอบและเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พิจารณาต่อไป
“ในการกําหนดพื้นที่และสินค้าเป้าหมายเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร แบ่งออกเป็นอย่างน้อย 3 กลุ่ม สินค้า ได้แก่ 1. กลุ่มสินค้าเป้าหมายภายใต้แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด 2. กลุ่มสินค้าที่มีมีมูลค่าสูงสุด 4 อันดับแรก ของจังหวัด และ 3. กลุ่มสินค้าที่ได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indication: GI) ของจังหวัด โดยได้กําหนดสินค้าเป้าหมาย ได้แก่ 1) สินค้า Commodity เช่น กลุ่มข้าวและธัญพืช กลุ่มปศุสัตว์ ประมง กลุ่มผัก ผลไม้ กลุ่มเครื่องปรุงรส อาหารพร้อมรับประทาน เกษตรอินทรีย์ เครื่องดื่มสุขภาพ (Healthy drinks) รวมถึงสินค้าที่มีบรรจุภัณฑ์ทันสมัย บรรจุภัณฑ์ฉลาด รวมถึงอาหารที่ยกระดับด้วยการคัดแยกเกรด
2) สินค้าอนาคต Future Food เช่น อาหารสุขภาพและอาหารฟังก์ชัน (Healthy and Functional Food) ผลิตภัณฑ์อาหารจากเทคโนโลยีชีวภาพ อาหารใหม่ (Novel Food) อาหารและวัตถุดิบเพื่อผลิตอาหารคุณภาพสูง และธุรกิจเกี่ยวเนื่องเพื่อสนับสนุนนวัตกรรมอาหาร เช่น บรรจุภัณฑ์อาหาร และเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมอาหาร” นายอลงกรณ์ กล่าว