นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า คพ. ได้รับแจ้งเรื่องร้องเรียนจากประชาชนมาอย่างต่อเนื่องเรื่องความเดือดร้อนและผลกระทบเป็นวงกว้างจากปัญหาน้ำเสียจากการเลี้ยงสุกรในพื้นที่จังหวัดราชบุรี ส่งผลให้ลำคลอง ลำห้วยต่างๆ ในพื้นที่รอยต่อลุ่มน้ำแม่กลอง เกิดการเน่าเสีย คุณภาพน้ำเสื่อมโทรม และประชาชนในพื้นที่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้ ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 คพ. จึงกำหนดแผนตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายกับแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทการเลี้ยงสุกรในพื้นที่จังหวัดราชบุรี (ซึ่งเป็นพื้นที่เลี้ยงสุกรจำนวนมาก) เพื่อควบคุมการระบายน้ำทิ้งออกสู่สิ่งแวดล้อมหรือลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 พื้นที่เป้าหมายครอบคลุมพื้นที่ี่แม่น้ำแม่กลองและคลองประดู่ไหลผ่านจำนวน 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากท่อ อำเภอบ้านโป่ง อำเภอโพธาราม อำเภอเมืองราชบุรี อำเภอดำเนินสะดวก และอำเภอเมืองราชบุรี
นายอรรถพล กล่าวว่า ในช่วงตุลาคม 63 – มีนาคม 64 คพ. ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของระบบบำบัดน้ำเสียและคุณภาพน้ำทิ้งจากแหล่งกำเนิดมลพิษประเภทการเลี้ยงสุกรในพื้นที่ดังกล่าวแล้วจำนวน 100 แห่ง เข้าข่ายเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษการเลี้ยงสุกรประเภท ก (เทียบเท่าสุกรขุนมากกว่า 5,000 ตัว) จำนวน 28 แห่ง ผลการตรวจสอบน้ำทิ้งไม่เป็นไปตามมาตรฐาน 20 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 71 ประเภท ข (เทียบเท่าสุกรขุน 500 – 5,000 ตัว) จำนวน 47 แห่ง ผลการตรวจสอบน้ำทิ้งไม่เป็นไปตามมาตรฐาน 21 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 46 (เก็บน้ำไม่ได้ 1 แห่ง) และประเภท ค (เทียบเท่าสุกรขุนมากกว่า 50 – 500 ตัว) จำนวน 25 แห่ง ผลการตรวจสอบน้ำทิ้งไม่เป็นไปตามมาตรฐาน 8 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 33 (เก็บน้ำไม่ได้ 1 แห่ง)
จากการตรวจสอบ พบว่า ฟาร์มสุกรประเภท ก ซึ่งเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ยังบำบัดน้ำเสียไม่เป็นไปตามมาตรฐาน จะมีน้ำเสียเกิดขึ้นปริมาณมากและมีศักยภาพในการก่อมลพิษสูง ในส่วนของฟาร์มขนาดกลาง ขนาดเล็ก และรายย่อยที่มีจำนวนมากก็มีสัดส่วนการก่อมลพิษสูงเช่นกัน ทั้งนี้ ฟาร์มที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย คพ. กำลังดำเนินกระบวนการทางกฎหมายเพื่อให้ผู้ประกอบการปรับปรุงแก้ไขระบบบำบัดน้ำเสียให้มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะบำบัดน้ำเสียให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ และ คพ. จะลงพื้นที่ตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ภายในปี 2564 นี้ นายอรรถพล กล่าว