ที่สำนักงานศาลปกครอง ถนนแจ้งวัฒนะ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวถึงกรณีมี ส.ส.ที่แชร์เฟคนิวส์เกี่ยวกับวัคซีนซิโนฟาร์ม ว่าเรื่องของการโพสต์ข่าวเฟคนิวส์ ส่วนตัวพยายามติดตามอยู่ตลอด ไม่ว่าใครก็ตามที่พยายามสร้างกระแส นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแน่นอนว่าเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบุคคลดังกล่าวเป็นผู้แทนราษฎร เป็น ส.ว. ย่อมต้องมีความผิดมากกว่าประชาชนทั่วไป เพราะเป็นฝ่ายนิติบัญญัติรวมถึงการทำหน้าที่ ส.ส.มีประมวลจริยธรรมกำกับอยู่ ซึ่งในประมวลจริยธรรมก็กำหนดไว้ชัดเจนว่าห้ามดำเนินการใดๆ อันเข้าข่ายในลักษณะที่ผิดต่อกฎหมาย ดังนั้น หากมีพยานหลักฐานข้อเท็จจริง คาดว่าสัปดาห์หน้า ตนก็จะนำไปยื่นต่อ ปอท.ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยหากเป็น ส.ส. หรือ ส.ว.ก็จะต้องร้องไปที่ ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการเอาผิด และเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะมีโทษหนัก

"โดยเฉพาะหากเป็น ส.ส. เป็นตัวแทนของประชาชนการนำข้อมูลใดมาโพสต์ต้องมีความละเอียดรอบคอบ โดยเฉพาะข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดของ covid-19 รวมถึงเกี่ยวข้องกับการใช้วัคซีน เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นคนที่เป็นตัวแทนของประชาชนควรที่จะตรึกตรองข้อมูลให้เด่นชัดเสียก่อนไม่ใช่กระพือข่าวไปตามกระแส หรือมีวัตถุประสงค์อื่นที่จะสร้างความ สร้างความเชื่อมั่นไม่ให้เกิดขึ้นกับประชาชน ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก" นายศรีสุวรรณ กล่าว

นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะประเทศไทย แต่เกิดขึ้นทั้งโลก ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น ส.ส. ฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านหรือแม้แต่วุฒิสมาชิก ควรจะหันหน้าเข้ามาช่วยกัน ในสถานการณ์ที่ยุ่งยากอยู่ในขณะนี้ ไม่ใช่มามาชิงดีชิงเด่นเพื่อหวังคะแนนเสียง ซึ่งเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายและเลวทราม ต้องประณาม และในสถานการณ์ทางการเมืองยอมรับว่าฝ่ายค้านก็ต้องมีหน้าที่ค้านแต่การค้าต้องมีเหตุมีผล โดยเฉพาะในช่วงที่ประเทศกำลังตกอยู่ในความยากลำบาก ไม่ใช่มีแต่เรื่องค้านหรือนำเฟคนิวส์มาปั่นป่วนซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ส่วนตัวจะจับผิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง และจะดำเนินการทางกฎหมายให้ถึงที่สุด กับทุกคนที่กระทำการดังนี้.