เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา 'ไพศานต์ สุขสุสินธุ์' อดีตนายก อบต.ดู่ใต้ อำเภอเมือง น่าน เบิกจ่ายเงินค่าจ้างพีอาร์-จัดสถานที่โครงการเพิ่มรายได้ให้โอกาสคนว่างงานส่งเสริมอาชีพสินค้าวิสาหกิจชุมชน ปี 52 ทั้งที่ ทำงานไม่ครบถ้วนตามสัญญา ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 5 พิพากษาลงโทษจำคุกพร้อมพวก 1 ราย คนละ 2 ปี ปรับ 1.2 หมื่น เจ้าตัวรับสารภาพ ได้ลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือ 1 ปี 6,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี -ป.ป.ช. ขอ อสส. อุทธรณ์ต่อ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าคดีกล่าวหา นายไพศานต์ สุขสุสินธุ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ดู่ใต้ อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน กับพวก 1 ราย คือ นางวัยเรียน ทองคำ กรณีเบิกจ่ายเงินค่าจ้างประชาสัมพันธ์และจัดสถานที่โครงการเพิ่มรายได้และให้โอกาสคนว่างงานส่งเสริมอาชีพสินค้าวิสาหกิจชุมชน พ.ศ.2552 ทั้งที่ ผู้รับจ้างทำงานไม่ครบถ้วนตามสัญญา
ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 151, 152 และ 157 ประกอบมาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2564 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 มีคำพิพากษาว่า นายไพศานต์ สุขสุสินธุ์ จำเลยที่ 1 และ นางวัยเรียน ทองคำ จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม มาตรา 157 จำคุกคนละ 2 ปี และปรับคนละ 12,000 บาท
นายไพศาล สุขสุสินธุ์ จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก มีกำหนด 1 ปี และปรับ 6,000 บาท โทษจำคุกเห็นควรให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ปอ.มาตรา 29, 30 ข้อหาอื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
ทั้งนี้ คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้งสอง มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้อีกได้ เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมลงมติเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2564 เห็นควรขอความอนุเคราะห์อัยการสูงสุด (อสส.) ให้อุทธรณ์คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ระบุ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
Cr: www.isranews.org