พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าฯกทม.เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) กรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 10/2564 โดยสืบเนื่องจากสถานการณ์วัคซีนของประเทศไทยที่ได้รับจากบริษัทผู้ผลิตวัคซีนคลาดเคลื่อนจากที่คาดหมาย ส่งผลให้กทม.ได้รับจัดสรรวัคซีนไม่เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการการบริหารจัดการการให้วัคซีนฯ จึงมีมติเห็นชอบตามมติการประชุมของที่ประชุมคณะทำงานด้านการให้บริการวัคซีน ฝึกอบรม และกำกับติดตาม ซึ่งได้มีการประชุมไปเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยให้จัดลำดับความสำคัญของการได้รับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในรอบระยะเดือน มิ.ย. 64 ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นวัคซีน AstraZeneca โดยมีลำดับ ดังนี้
1. ผู้ที่เคยได้รับการฉีดวัคซีน AstraZeneca เข็มที่ 1
2. ผู้สูงอายุที่เป็นผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคซึ่งได้จองรับวัคซีนในโรงพยาบาลต่างๆ และโรงพยาบาลได้นำรายชื่อเข้าสู่ระบบ MOPH -IC เรียบร้อยแล้ว
3. บุคลากรทางการแพทย์ที่เหลือตกค้างยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน
4. ประชาชนทั่วไปจองเข้ารับการฉีดวัคซีนที่หน่วยความร่วมมือฯ ทั้ง 25หน่วย ตามโครงการไทยร่วมใจ “กรุงเทพฯ ปลอดภัย” ที่ได้ลงทะเบียนไว้แล้ว
5. นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะอนุกรรมการการบริหารจัดการการให้วัคซีนฯ พิจารณาเห็นว่า ผู้สูงอายุเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงหากได้รับเชื้อโควิด-19 จึงควรได้รับการฉีดวัคซีนเป็นลำดับต้นๆ แต่เนื่องจากผู้สูงอายุจำนวนไม่น้อยยังไม่ได้จองเข้ารับการฉีดวัคซีนในระบบหมอพร้อมซึ่งปิดรับการจองไปแล้วนั้น ที่ประชุมจึงมีมติให้โรงพยาบาลต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ทั้งในส่วนของกรุงเทพมหานคร กองทัพ ตำรวจ มหาวิทยาลัย โรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ที่ร่วมให้บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 รวมกว่า 100 แห่ง ทั่วกรุงเทพฯ เปิดรับจองการเข้ารับการฉีดวัคซีนเฉพาะในส่วนของผู้สูงอายุ และให้จัดลำดับก่อน-หลัง ตามวัน เวลา ที่ยื่นแสดงความประสงค์รับการฉีดวัคซีน
ส่วนกำหนดเข้ารับการฉีดวัคซีนนั้น โรงพยาบาลจะเป็นผู้นัดหมายและแจ้งให้ผู้แสดงความประสงค์ทราบต่อไป