พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกลาโหม เผยว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดฯ กลาโหม ได้ประชุมร่วมกับ กอ.รมน. นขต.กลาโหม เหล่าทัพ และ ตร. เพื่อติดตามการสนับสนุนรัฐบาลและการช่วยเหลือประชาชนในการแก้ปัญหาโควิด
โฆษกกลาโหม กล่าวว่า สรุปภาพรวมสถานการณ์และการปฏิบัติที่สำคัญ กองกำลังป้องกันชายแดนทหารและตำรวจ ยังคงตรวจพบและจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดนตามช่องทางธรรมชาติและพื้นที่ชั้นในได้อย่างต่อเนื่อง โดยพบมากขึ้นใน 3 วันที่ผ่านมา ( เฉลี่ย 250 คน/วัน) ส่วนใหญ่เป็นชาวเมียนมาและกัมพูชา โดยเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้ร่วมกันจัดตั้งจุดตรวจ จุดสกัดกว่า 1,500 จุด และจัดกำลังลาดตระเวนป้องปรามและพิสูจน์ทราบในพื้นที่ต่างๆ กว่า 2,000 ชุด
ขณะเดียวกันในพื้นที่ชั้นใน ทุกเหล่าทัพและตำรวจ ได้เข้าไปช่วยสนับสนุน กทม. เร่งเข้าไปแก้ปัญหาและควบคุมพื้นที่เสี่ยง โดยจัดกำลังและแบ่งมอบพื้นที่ร่วมกับ กทม. 50 เขต เสริมเข้าไปดูแลพื้นที่เสี่ยงชุมชน 2,069 แห่ง ตลาด 486 แห่ง แคมป์คนงานก่อสร้าง 575 แห่ง และโรงงานขนาดใหญ่ 278 แห่ง เร่งตรวจคัดกรองเชิงรุกและสนับสนุนจัดตั้ง บก.ควบคุมการปฏิบัติในพื้นที่พบการติดเชื้อจำนวนมาก โดยขณะนี้ได้จัดตั้ง บก.ควบคุมและจัดกำลังร่วมกับ ตร.และส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษาแล้วใน 5 พื้นที่ และกำลังพิจารณาจัดตั้ง บก.ควบคุมเพิ่มตามผลการตรวจในแต่ละพื้นที่
"รมช.กลาโหม ได้ย้ำนโยบายและสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม.และรมว.กลาโหม ขอให้ทุกเหล่าทัพ และตำรวจ ยังคงต้องทำงานหนักร่วมกันคุมเข้มสกัดกั้นและปราบปรามผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายในพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ชั้นในอย่างต่อเนื่อง โดยถือเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงของการนำพาเชื้อโรคเข้ามายังพื้นที่ชั้นในเชื่อมโยงกับแรงงานต่างด้าวและผู้หลบหนีเข้าเมืองที่ต้องคุมให้อยู่ ควบคู่ไปกับ การสนับสนุนจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่สีแดงเข้ม เสริมกำลังเข้าไปเพื่อควบคุมโรคเป็นพื้นที่ พร้อมกับขอบคุณและเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกนายในการปฏิบัติงาน" พล.ท.คงชีพ กล่าว
นอกจากนี้ พล.อ.ชัยชาญ ยังได้กำชับเพิ่มเติม ให้ทุกเหล่าทัพ เร่งเข้าไปสนับสนุนควบคุมการแพร่ระบาดเป็นพื้นที่ในกรุงเทพมหานครฯ โดยเฉพาะการเร่งเข้าไปสนับสนุนตรวจคัดกรองเชิงรุกในชุมชนและกลุ่มผู้ใช้แรงงาน รวมทั้งให้ประสานและสนับสนุนกรมราชทัณฑ์ เร่งควบคุมการแพร่ระบาดในเรือนจำที่พบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก พร้อมกันนี้ ขอให้เตรียมความพร้อมในการปรับเปลี่ยนถ่ายโอนภารกิจการทำหน้าที่สถานกักกันควบคุมโรคของรัฐ ที่กลาโหมรับผิดชอบตั้งแต่ 4 ก.พ. 63 ต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน รวม 175 แห่ง ( SQ 33 แห่งและ ASQ 142) ให้เป็นไปตามนโยบายของ ศบค.ตั้งแต่ 1 ก.ค. 64 เป็นต้นไป ขณะเดียวกัน ขอให้เตรียมความพร้อมจัดตั้งสถานกักกันควบคุมโรคของแต่ละเหล่าทัพ (OQ ) เพื่อรองรับกำลังพลของทุกเหล่าทัพตามนโยบายของ ศบค.ต่อไป.