นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงกรณีเอกสารคำสั่งถึงผู้ว่าราชการทุกจังหวัด พิจารณาวัคซีนโควิดให้กับพนักงานและครอบครัวของบริษัทไทยเบฟเวอเรจ ว่า คำสั่งดังกล่าวเป็นไปตามที่ อธิบดีกรมควบควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ได้ออกประกาศเรื่องแนวทางให้บริการวัคซีนโควิด-19 แบบปูพรมทั่วประเทศโดยเฉพาะในพื้นที่ระบาดที่แจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด ลงวันที่ 18 พ.ค.2564 ขอให้จัดหาวัคซีนไปฉีดให้บุคลากรในสังกัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นคลัสเตอร์และติดเชื้อแพร่ระบาดทั่วประเทศ
ซึ่งการพิจารณาของ ศบค. กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการตามข้อปฏิบัติที่กำหนด โดยสาระสำคัญ คือ ข้อ 5.2 ระบุว่า “องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนในประเทศไทย ที่มีความประสงค์จะขอรับวัคซีนให้กับบุคลากรสามารถแจ้งความประสงค์ไปยังคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และในข้อ 5.2.3 ที่ระบุว่า “กรณีองค์กรขนาดใหญ่ที่มีบุคลากรอยู่ในหลายจังหวัด หรือองค์กรระหว่างประเทศ/หน่วยงานต่างชาติที่ติดต่อผ่านกระทรวงการต่างประเทศ สามารถแจ้งหนังสือมายังอธิบดีกรมควบคุมโรค เพื่อขอรับวัคซีนไปฉีดให้บุคลากรในสังกัด โดยหาสถานพยาบาลรองรับการฉีดเอง”
"จึงขอย้ำว่าทุกอย่างดำเนินการตามขั้นตอน เมื่อมีการร้องขอมา ก็ได้สำรวจ ไม่ได้แปลว่าเจาะจงทำเฉพาะบริษัทไทยเบฟฯ แต่ทุกองค์กร ก็สามารถร้องขอได้ตามแนวทางที่กำหนด” ปลัดกระทรวงมหาดไทย ระบุและว่า ขอให้ประชาชนมั่นใจในการดำเนินการจัดสรรวัคซีนของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ที่จะคำนึงถึงความเหมาะสมในทุกด้านเป็นหลัก
ก่อนหน้านี้ ในโลกโซเซียลมีการแชร์หนังสือที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ส่งไปยังผู้ว่าราชการทุกจังหวัด เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) ได้ขอความอนุเคราะห์สนับสนุนวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคให้กับพนักงาน จำนวน 43,201 คน และครอบครัวของพนักงานของบริษัทฯ จำนวน 28,244 คน ใน 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร