นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมกำหนดอัตราค่าจ้างบรรทุกคนโดยสารและค่าบริหารอื่นของแท็กซี่ได้พิจารณาปรับอัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ใน 32 จังหวัด (ไม่รวมกรุงเทพฯเชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น และ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี) เนื่องจากอัตราค่าโดยสารของรถแท็กซี่ในกลุ่มจังหวัดดังกล่าวถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ปี 2537 ทั้งนี้ยังได้กำหนดให้ติดตั้งระบบมิเตอร์เพื่อปรับเปลี่ยนการคิดค่าบริการจากแบบเหมาจ่ายมาเป็นอัตราค่าโดยสารตามจริงตามระยะทาง “การขึ้นราคาค่าโดยสารใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนการเดินรถที่เพิ่มขึ้น อาทิ ค่าครองชีพ ค่าน้ำมัน ราคารถและอะไหล่ แต่ทั้งนี้ยืนยันการขึ้นราคาจะไม่กระทบต่อผู้บริโภคเนื่องจากราคาปรับใหม่ยังเฉลี่ยใกล้เคียงกับราคาเดิม อีกทั้งยังช่วยกำจัดการเอาเปรียบลูกค้าที่เกิดจากระบบเหมาจ่ายอีกด้วย”
นายออมสินกล่าวต่อว่า อัตราค่าโดยสารระบบมิเตอร์ที่จะนำมาใช้ กำหนดราคาขั้นต้น 2 กิโลเมตรแรกที่ 40 บาท, กิโลเมตรที่ 2-10 อยู่ที่ 6 บาทต่อกิโลเมตร และระยะทางตั้งแต่กิโลเมตรที่ 10 ขึ้นไปอยู่ที่กิโลเมตรละ 10 บาท รวมถึงในกรณีที่รถติดหรือไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เกินกว่า 6 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจะคิดค่าโดยสารเพิ่มในอัตรานาทีละ 1 บาท ทั้งนี้ยังมีการเพิ่มค่าบริการอีก 20 บาท ถ้าหากเรียกแท็กซี่ผ่านศูนย์บริการหรือแอพพลิเคชั่น (Grab Taxi)
นายออมสิน กล่าวต่อว่า กรมขนส่งทางบกจะเร่งเรียกผู้ประกอบการแท็กซี่ทั้ง 32 จังหวัดเข้าหารือและกำหนดมาตรฐานการให้บริการในอนาคตรวมถึงการยกระดับคุณภาพบริการ ให้เสร็จภายสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ม.ค. ปี 2560 และเสนอประกาศกระทรวงคมนาคม เพื่อลงนามและประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ภายในเดือนม.ค. 2560 และสามารถใช้อัตราค่าโดยสารรถแท็กซี่ใหม่ได้ภายในต้นเดือน มี.ค. 2560 อย่างไรก็ตามหลังจากที่นำรถแท๊กซี่ดังกล่าวเข้าระบบแล้วจะเริ่มบังคับใช้และกำหนดบทลงโทษกอย่างจริงจัง โดยกำหนดให้ถ้าทำผิดกฎหมายครั้งแรกจะปรับ ผิดครั้งที่ 2 จะพักใช้ใบอนุญาต และผิดครั้งที่ 3 จะยกเลิกใบอนุญาต
ทั้งนี้สำหรับ 32 จังหวัดประกอบด้วย ลพบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ นครราชสีมา สุรินทร์ หนองคาย เลย อุดรธานี นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ มหาสารคาม ร้อยเอ็ด มุกดาหาร เชียงราย น่าน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก พิจิตร นครศรีธรรมราช กระบี่ ตรัง สงขลา และยะลา