“บางคอแหลม...ต้องอิ่ม” จุดประกาย

มอบ 3 พัน/ด ช่วยครอบครัวไร้เยียวยา

มูลนิธิปัญญามหานุกูล จับมือ เขตบางคอแหลม ผุดโครงการ “บางคอแหลม...ต้องอิ่ม” มอบทุนซื้อข้าวสาร อาหารแห้งเพื่อยังชีพแก่ครอบครัวที่ประสบปัญหาไม่ได้รับสวัสดิการหรือการเยียวยาจากภาครัฐ ครอบครัวละ 3 พันบาทต่อเดือน คาดหวังเป็นตัวอย่างเขตอื่นๆ นำไปใช้เพื่อช่วยเหลือพี่น้องคนไทยต่อไป

ทั้งนี้ นายวิฑูรย์ อภิสิทธิ์ภูวกุล ผู้อำนวยการเขตบางคอแหลม กรุงเทพมานคร เปิดเผยถึงโครงการช่วยเหลือประชาชนดังกล่าวข้างต้นว่า เป็นความร่วมมือระหว่างเขตบางคอแหลมกับมูลนิธิปัญญามหานุกูล โดย ดร.กำพล มหานุกูล ประธานมูลนิธิฯ ทั้งนี้ ก็เพื่อจะเข้าไปช่วยเหลือประชาชนในเขตบางคอแหลมที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์เโควิด-19 แพร่ระบาด โดยเฉพาะประชาชนบางส่วนที่เกิดปัญหาหรือมีอุปสรรคที่ไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการและการเยียวยาจากภาครัฐได้ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซึ่งต้องถือว่า เป็นกุศลจิตที่สามารถช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชานในกลุ่มนี้ไปได้ส่วนหนึ่ง

สำหรับแนวทางการช่วยเหลือ จะเป็นไปตามเป้าหมายของมูลนิธิฯ คือ มอบเงินเพื่อใช้ซื้อข้าวสาร อาหารแห้งต่างๆ เพื่อใช้ในการยังชีพ ครอบครัวละ 3,000 บาทต่อเดือน ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นในเดือนสิงหาคมนี้ โดยเขตบางคตอแหลมจะเป็นผู้รับหน้าที่ในการไปคัดเลือกครอบครัวในชุมชนของเขตบางคอแหลมที่ได้รับเดือดร้อน ตามเกณฑ์ที่กำหนดคือ เป็นประชาชนที่มีทะเบียนอาศัยอยู่ในเขตบางคอแหลม และไม่สามารถเข้าถึงสัวสดิการหรือการเยียวยาจากภาครัฐได้ในช่วงที่ผ่านมา โดยในเบื้องต้นที่ได้คุยกับทางมูลนิธิฯ ไว้ จะเริ่มต้นการช่วยเหลือที่ 10 ครอบครัวก่อน อย่างไรก็ตาม หลังสุด ทราบว่า ประธานมูลนิธิฯ ได้แจ้งข่าวออกไปในภาคีเครือข่ายแล้ว จึงอาจจะได้ถึง 22 ครอบครัว

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเขตบางคอแหลม มีชุมชนที่จัดตั้งรวม 28 ชุมชน มีประชากรประมาณ 40,000 กว่าคน ซึ่งบางส่วนน่าจะได้รับความช่วยเหลือเยียวยาไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนที่เกิดปัญหาขึ้นดังกกล่าว ดังนั้น จะกระจายความช่วยเหลือ เน้นไปคนที่อยู่อาศัยมายาวนานในเขตบางคอแหลม มีทะเบียน มีหลักแหล่งที่ชัดเจน และไม่ได้รับสิทธิ์อื่นๆผู้อำนวยการเขตบางคอแหลม กล่าว

ต่อข้อถามถึง การทำงานของเขตบางคอแหลมต่อสถานการณ์โควิด-19 เป็นอย่างไรบ้าง นายวิฑูรย์ กล่าวว่า เขตบางคอแหลม ดำเนินการในทุกด้านไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นการประสานความร่วมมือเพื่อจะนำข้าวปลาอาหาร สิ่งของยังชีพ เข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ต้องกักตัวภายในบ้าน พวกที่ตกงาน โดยให้ฝ่ายพัฒนาชุมชนประสานผู้นำชุมชนทั้ง 28 ชุมชน เพื่อเข้าไปช่วยเหลือ มีการจัดส่งแพทย์เข้าไปแนะนำวิธีการกักตัว วิธีการรักษาที่ถูกต้อง แจกยา มีการตรวจแคมป์คนงาน ตรวจสถานที่สุ่มเสี่ยงต่างๆ และรณรงค์ตามมาตรการ DMHTT เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ประชากรในพื้นที่มีการติดเพิ่มขึ้น นายวิฑูรย์ กล่าวในที่สุด

ด้าน ดร.กำพล มหานุกูล ประธานมูลนิธิปัญญามหานุกุล เปิดเผยถึงที่มาของโครงการฯ ว่า เป็นความตระหนักรู้ถึงความลำบากในช่วงวิกฤตินี้ และอยากจะเป็นส่วนเล็กๆ ที่ได้ช่วยเหลือครอบครัวที่ลำบากไม่สามารถประกอบการค้าสัมมาอาชีพ และไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการต่างๆ จากภาครัฐได้ จึงได้ริเริ่มโครงการ “บางคอแหลม.. ต้องอิ่ม” ขึ้นมา เพื่อจะมอบทุนเพื่อใช้ในการทำอาหาร ปรุงอาหารสำหรับครอบครัวที่ไม่สามารถช่วยตัวเองและเข้าถึงการช่วยเหลือของรัฐเป็นเงิน 3,000 บาทต่อครอบครัวต่อเดือน โดยจะเริ่มโครงการฯ ระหว่างวันที่ 1-31 สิงหาคม 2564 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือพี่น้องครอบครัวที่อยู่ในเขตบางคอแหลมที่เราอยู่และตั้งบริษัททำมาหากิน

 “เบื้องต้น เราก็ตั้งงบประมาณช่วยเหลือไว้ 10 ครอบครัวๆ ละ 3,000 บาท ก็ตกประมาณ 30,000 บาท แต่ผมจะบอกกุศลนี้ไปยังพรรคพวก เครือข่ายที่อยู่ในเขตนี้ด้วยกันและที่อื่นๆ เพื่อให้เข้ามาช่วยกันด้วย ซึ่งก็คาดว่าจะมีผู้ใจบุญทยอยเข้าร่วมทำกุศลในโครงการนี้กับเราเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน และเบื้อต้นจาก 10 ครอบครัว ก็น่าจะได้เพิ่มเป็น 20 ครอบครัว ซึ่งการดำเนินโครงการ บางคอแหลม... ต้องอิ่ม จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ จนสุดความสามารถ ครอบครัวเราเกิดที่นี่ ทำมาหากินที่นี่ สร้างเนื้อสร้างตัวที่นี มูลนิธิฯ ออกมาช่วยให้ครอบครัวมีกิน 3,000 บาทต่อครอบครัวต่อเดือนในเดือนสิงหาคมนี้” ดร.กำพล กล่าว พร้อมกับเปิดด้วยว่า

เชื่อว่า ยังมีประชาชนอีกเป็นจำนวนมากพอควรที่เดือดร้อน โดยเฉพาะที่ไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการและการเยียวยาจากภาครัฐได้ในเขตอื่นๆ ด้วย จึงยากให้เขตอื่นๆ นำโครงการในลักษณะเช่นนี้ไปดำเนินการด้วย ซึ่งก็จะถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะขณะนี้การระบาดของโควิด-19 สร้างความลำบากและความเดือดร้อนให้กับคนไทยไปแล้วไม่ใช่น้อย ดร.กำพล กล่าวในท้ายสุด

สำหรับผู้มีจิตกุศล ประสงค์จะร่วมช่วยเหลือในโครงการนี้ หรือสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ มูลนิธิปัญญามหานุกูล  0 2689 9120