นางสาวสุพัชชา ชูเสียงแจ้ว อาจารย์ประจำสาขาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ประมง คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง มทร.ศรีวิชัย ตรัง ลงพื้นที่ติดตามดูความก้าวหน้า โครงการวิจัยการพัฒนาระบบการเลี้ยงหอยนางรมแบบความหนาแน่นสูง เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชนลุ่มน้ำปะเหลียน ตำบลวังวน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ภายใต้แผนงานนวัตกรรมพัฒนาพื้นที่เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากและหนุนเสริมผู้ประกอบการชุมชนใน เขตพื้นที่ลุ่มน้ำปะเหลียน จังหวัดตรัง ภายใต้การสนับสนุนจาก หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ด้วยการถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรกรผู้เลี้ยงหอยนางรม บ้านแหลม ตำบลวังวน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง
ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งอาศัยของหอยนางรม หอยแมลงภู่ในธรรมชาติแหล่งใหญ่ ที่ชาวบ้านมักดำน้ำ และงมหาเป็นประจำ ถือเป็นห้องครัวหน้าหมู่บ้าน แต่การหาในธรรมชาติมีวันหมดหายไป หากไม่อนุรักษ์ ชาวบ้านจึงเสริมอาชีพในชุมชนด้วยการเลี้ยงสัตว์น้ำในกระชังแหล่งใหญ่ของลุ่มน้ำปะเหลียน จ.ตรัง ทั้งเลี้ยงหอยนางรม หอยแมลงภู่ และปลากระชังทุกชนิด
สำหรับการเลี้ยงหอยนางรมที่ชาวบ้านเลี้ยงกันเอง ใช้วิธีเลี้ยงแบบแปะเบี้ยกับปูนซีเมนต์ โดยการนำหอยนางรม 2 ตัว มาแปะติดกัน แล้วผู้เชือกเลี้ยงอนุบาลไว้ในกระชัง เมื่อถึงเวลาก็เก็บขาย แต่ได้น้อย มทร.จึงถ่ายทอดงานวิจัยส่งเสริมการเลี้ยงในตะกร้า และแบบตะแกรงคอนโด 3 ชั้น เพื่อเพิ่มจำนวนผลผลิต และ เพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรผู้เลี้ยงหอยนางรม
นางสาวสุพัชชา ชูเสียงแจ้ว อาจารย์ประจำสาขาเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำและผลิตภัณฑ์ประมง คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการประมง กล่าวว่า การพัฒนาระบบการเลี้ยงหอยนางรมแบบความหนาแน่นสูง เพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน ลุ่มน้ำปะเหลียน ตำบลวังวน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ด้วยวิธีการเลี้ยงหอยนางรมในรูปแบบการเลี้ยงในตะกร้า และตะแกรงแบบเลื่อนพลาสติก 3 ชั้น เพื่อเพิ่มปริมาณการเลี้ยงในแหล่งน้ำธรรมชาติ (กระชัง) ทำให้ได้ปริมาณหอยนางรมเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมถึง 7 -8 เท่า หรือประมาณ 7,000 - 8,000 ตัวต่อ 1 กระชัง จากเดิมที่เลี้ยงหอยนางรมแบบแปะเบี้ยกับปูนซีเมนต์ ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิม ได้จำนวน 1,000 - 2,000 ตัว ต่อกระชัง ซึ่งเดิมชาวบ้านต้องออกเรือ ไปงม หรือดำ หาหอยในธรรมชาติ ที่มีตามบริเวณโขดหิน หรือรากต้นโกงกาง ขนาด 4-5 เซนติเมตร นำมาเลี้ยง
แต่ที่ มทร.ส่งเสริม โดยการเลี้ยงหอยแบบตะกร้า จะใช้ลูกพันธุ์หอยนางรมพันธุ์ตะโกรมกรามขาว ซึ่งเป็นพันธุ์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในพื้นที่ ต.วังวน , ต.กันตังใต้ อ.กันตัง จากจังหวัดกระบี่ และ จาก จ.สุราษฎร์ธานี โดยนำตัวพ่อแม่พันธุ์ทั้งจาก 3 แหล่ง มาเพาะฟักที่หน่วยวิจัยหอยนางรม มทร.ตรัง จนได้ลูกหอยนางรมขนาด 5 มิลลิเมตรเท่านั้น หรือ ขนาดเท่าเม็ดทราย ก่อนนำมาลงตะกร้าขนาด 30 x 20 ซม. แล้วเพาะเลี้ยงในกระชังขนาด 9 ตารางเมตร เป็นเวลา 10 เดือน หรือ จนหอยนางรมได้ขนาดตัว 7 ซม. แล้วย้ายจากตะกร้าขนาดเดิม ไปเพาะในตะกร้าขนาด 30 x 50 ซม. ซึ่งเมื่อตัวใหญ่ขึ้นจำเป็นต้องเปลี่ยนจากตะกร้าเล็กเป็นตะกร้าใหญ่ เพื่อให้อาหารจำพวกแพลงก์ตอนสามารถลอดเข้าไปเป็นอาหารได้เพียงพอกับขนาดตัวของหอยนางรม