นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการแถลงข่าว การประกาศใช้หลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติด้านการเกษตรฉบับใหม่ โดยมี นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสุรเดช สมิเปรม นายสัตวแพทย์ชัยวัฒน์ โยธคล รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นางสาวศศิมา ราชานนท์ นิติกรเชึ่ยวชาญ นางสาวพัชรณัฏฐ์ เจริญพัฒนาภัค นิติกรชำนาญการพิเศษ จากกรมบัญชีกลาง พร้อมคณะผู้บริหารร่วมชี้แจงรายละเอียดและให้ข้อมูลเพิ่มเติมถึงการดำเนินงานในการให้ความความช่วยเหลือ ณ ห้องประชุม 112 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
นายประภัตร กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐบาล ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับสถานการณ์ภาคเกษตรของประเทศ จากความห่วงใยที่มีต่อพี่น้องเกษตรกรทุกสาขาอาชีพ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงการคลัง ประกาศใช้หลักเกณฑ์การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านการเกษตรฉบับใหม่ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอเพื่อปรับปรุงอัตราการให้ความช่วยเหลือให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้นจากหลักเกณฑ์เดิมตั้งแต่ปี 2556 ซึ่งร่างหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 โดยมีขอบเขตการจ่ายเงินทดรองราชการว่า จะต้องเป็นการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินด้านการเกษตร แก่ผู้ประสบภัยที่ขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนกับหน่วยงานที่กำกับดูแลแต่ละด้านของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อนเกิดภัยพิบัติ ซึ่งมีหลายด้าน อาทิ ด้านพืช ด้านประมง และด้านปศุสัตว์
ในส่วนของปศุสัตว์มีการปรับเกณฑ์การช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติเกือบทุกชนิดสัตว์ และมีอัตราเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยคาดว่าเกษตรกรผู้ประสบภัยจากโรคลัมปี - สกินจะเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับการช่วยเหลือตามอัตราใหม่ โดยหลักเกณฑ์ฯ ระบุว่าผู้ประสบภัยพิบัติในกรณีที่เป็นการจัดหาอาหารสัตว์ วัคซีนและเวชภัณฑ์รักษาสัตว์ เพื่อการฟื้นฟู สุขภาพสัตว์เลี้ยงและการจัดหาอาหารสัตว์ตามราคาท้องตลาด หรือตามความจำเป็นเหมาะสม การให้ความช่วยเหลือกรณีแปลงหญ้าเลี้ยงสัตว์ของเกษตรกรตายหรือเสียหายจนไม่สามารถฟื้นฟูหรือเยียวยาให้กลับสู่สภาพเดิมได้ ให้ดำเนินการช่วยเหลือเป็นเงินในอัตราไร่ละ 1,980 บาท แต่ไม่เกินรายละ 30 ไร่ การให้การช่วยเหลือกรณีสัตว์ตายหรือสูญหายให้ช่วยเหลือตามจำนวนที่เสียหายจริงแต่ไม่เกินเกณฑ์การช่วยเหลือโดยดำเนินการช่วยเหลือ อาทิ
โค ได้ไม่เกินรายละ 5 ตัว อายุน้อยกว่า 6 เดือน 13,000 บาท อายุ 6 เดือนถึง 1 ปี 22,000 บาท อายุมากกว่า 1 ปีถึง 2 ปี 29,000 บาท อายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไป 35,000 บาท
กระบือ ไม่เกินรายละ 5 ตัว อายุน้อยกว่า 6 เดือน 15,000 บาท อายุ 6 เดือนถึง 1 ปี 24,000 บาท อายุมากกว่า 1 ปีถึง 2 ปี 32,000 บาท อายุมากกว่า 2 ปีขึ้นไป 39,000 บาท
สุกร รายละไม่เกิน 10 ตัว อายุ 1 ถึง 30 วัน 1,500 บาท อายุมากกว่า 30 บาทขึ้นไป 3,000 บาท
แพะ/แกะ ไม่เกินรายละ 10 ตัว อายุ 1-30 วัน 1,500 บาท อายุมากกว่า 30 วัน 3,000 บาท
ไก่พื้นเมือง/ไก่งวง ไม่เกินรายละ 300 ตัว อายุ 1-21 วัน 30 บาท อายุ 21 วันขึ้นไป 80 บาท
ทั้งนี้ ยังมี ไก่ไข่ / ไก่เนื้อ / เป็ดไข่ / เป็ดเนื้อ / นกกระทา / นกกระจอกเทศและห่านตามอัตราที่กำหนด
“สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคลัมปี - สกิน ในโค - กระบือนั้น กรมปศุสัตว์ได้มีมาตรการต่างๆ ในการควบคุมโรค ทำให้สถานการณ์การระบาดเริ่มดีขึ้นตามลำดับ และตอนนี้กรมปศุสัตว์ได้ดำเนินการสั่งวัคซีน LSDV ป้องกันโรคลัมปี สกิน เข้ามาเพิ่มอีก 5 ล้านโด๊ส โดยจะมีการนำเข้ามาถึงประเทศไทยภายในวันที่ 6 กันยายน 2564 ล็อตแรก 2.5 ล้านโด๊ส และจะทยอยเข้ามาอีกในล็อตที่สองและล็อตที่สาม จนครบ 5 ล้านโด๊ส ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้มีการวางแผนจัดสรรวัคซีนไว้แล้ว ยึดตามหลักรวดเร็ว ทั่วถึง เป็นธรรม ตามสัดส่วนของจำนวนประชากรสัตว์ทั่วประเทศ โดยขณะนี้หน่วยงานในสังกัดของกรมปศุสัตว์ในพื้นที่ต่างๆ มีการทำแผนวัคซีนเรียบร้อยแล้ว และสามารถดำเนินการได้ทันทีที่วัตซีนมาถึง นอกจากนี้ ในส่วนของการจ่ายเงินเยียวยากรณีโค - กระบือ เสียชีวิตจากโรคลัมปี - สกินนั้น คาดว่าจะเริ่มจายเงินเยียวยาให้กับเกษตรกรที่ยื่นเอกสารเข้ามาและผ่านการตรวจสอบตามกระบวนการของกรมปศุสัตว์เรียบร้อยแล้วภายในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะจ่ายจากบัญชีของสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าบัญชีของเกษตรกรโดยตรง” รมช.ประภัตร กล่าว