ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยระหว่างเดินทางไปตรวจเยี่ยมการให้บริการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ ว่า วัคซีนเข็ม 3 มีไว้สำหรับประชาชนที่ฉีดซิโนแวคครบ 2 เข็ม ที่ได้เริ่มฉีดตั้งแต่เดือนมีนาคม เป็นต้นมา หลังจากนั้น เชื้อไวรัสโควิด-19 ได้มีการกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์เดลต้า เพราะฉะนั้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจ ประชาชนที่ได้รับซิโนแวค 2 เข็ม จะปลอดภัยอย่างแน่นอน จะได้จัดการให้ฉีดบูสเตอร์ โดสเป็นเข็มที่ 3 คือ วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งมีการศึกษาออกมาแล้วและมีผลยืนยันว่า ทำให้เกิดความปลอดภัยและป้องกันการติดเชื้อ

“แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจะไม่ป่วยหนักและไม่เสียชีวิต ซึ่งเป็นเจตนารมย์ของกระทรวงสาธารณสุข และรัฐบาล ที่ต้องการให้ประชาชนเกิดความปลอดภัยที่สุดมากเท่าที่จะทำได้ ทั้งนี้ การจัดสรรวัคซีนยังไม่มีความล่าช้า และระบบการฉีดวัคซีนของไทยก็แสดงให้เห็นว่าสามารถฉีดได้แน่นอน 7-8 แสนโดสต่อวัน ซึ่งตอนนี้ก็ได้รับการยืนยันอย่างชัดเจนว่าวัคซีนจะนำเข้ามาส่งทันเวลาตามที่กำหนด โดยสิ้นปีนี้ก็จะจบแผนตามที่วางไว้ทุกประการ ขอให้พี่น้องประชาชนได้มีความมั่นใจ” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน กล่าวถึงวัคซีนไฟเซอร์ที่จะนำเข้ามาในวันที่ 29 กันยายนนี้ จำนวน 2 ล้านโดส ว่า วัคซีนไฟเซอร์นี้ จะนำมาฉีดให้แก่เด็กนักเรียนอายุ 12-18 ปี ซึ่งได้ประสานงานกับทางกระทรวงสาธารณสุขแล้ว และอยากให้มีการเปิดเรียนให้เร็วที่สุด ซึ่งทางด้านไฟเซอร์ได้ทำการขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ให้เด็กอายุ 12 ปี สามารถฉีดวัคซีนไฟเซอร์ได้

“ไม่ได้มาแค่ 2 ล้านเข็ม แต่จะทยอยส่งเข้ามาในเดือนตุลาคม ถ้าจำไม่ผิดก็ประมาณ 5 ล้านเข็ม ตามที่เราสั่งซื้อไว้ 30 ล้านเข็ม ก็จะเข้ามาตามกำหนดทุกประการ” นายอนุทิน กล่าว

นอกจากนี้ นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีที่ไม่ได้รับเอกสารส่งมอบวัคซีนจากสหรัฐอเมริกา ว่า เราได้รับการบริจาควัคซีนจากสหรัฐอเมริกาแล้ว 1.5 ล้านโดส ซึ่งนั่นเป็นขั้นตอนระหว่างรัฐต่อรัฐ ที่นอกเหนือจากนี้ยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ

“เราเป็นผู้รับนะครับ เราต้องให้ผู้ให้หรือผู้ที่บริจาค อย่างกรณีไฟเซอร์ เรายังไม่ได้รับจดหมาย หรือแสดงความจำนงใดๆ อย่างเป็นทางการจากอเมริกาเลย เพราะฉะนั้น คำพูดที่บอกว่ารัฐบาลไทย ล่าช้าในการตอบรับมอบการบริจาควัคซีนมันไม่ใช่ ไปดูได้เลย เพราะเราไม่ได้รับบริจาคจากสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียว ยังมีประเทศอังกฤษ ญี่ปุ่น จีน และอีกหลายประเทศที่ได้บริจาควัคซีนเข้ามา แม้กระทั่งสหรัฐเองถ้าแสดงความจำนงเข้ามา เราตอบรับกลับในเวลาอันรวดเร็วมาก ไม่กี่สัปดาห์ วัคซีนก็มาถึงประเทศไทย เพราะฉะนั้นขอยืนยันว่ากรณีวัคซีนดังกล่าว ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน ยังกล่าวอีกว่า เราไม่ควรจะพูดถึงเรื่องนี้มาก เพราะมันอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรืออาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งทางประเทศไทยเอง จะต้องขอบคุณ และชื่นชมสหรัฐอเมริกาที่บริจาควัคซีนมาให้ประเทศไทยก่อนหน้า 1.5 ล้านโดส