นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์ของโควิด-19 ที่ยังไม่คลี่คลายกลับเป็นปกติ จะส่งผลกระทบต่อการจัดโครงการส่งเสริมการค้าต่างๆของกรม แต่กรมยังคงมุ่งมั่นในการเป็นตัวกลางอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการไทยและผู้นำเข้าได้มีโอกาสเจรจาการค้าระหว่างกัน ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ที่ต้องการเร่งรัดการส่งออกในยุค New Normal รวมถึงการขยายการส่งออกของไทยไปยังเมืองรองของประเทศคู่ค้าสำคัญด้วย

นายภูสิต กล่าวต่อว่า ในส่วนของภูมิภาคเอเชียใต้ เป็นหนึ่งในตลาดส่งออกสำคัญที่กรมให้ความสนใจมาโดยตลอด ด้วยขนาดของตลาดที่มีประชากรกว่า 1,800 ล้านคน โดยเฉพาะอินเดียเป็นตลาดขนาดใหญ่สุดของภูมิภาคนี้ มีประชากรกว่า 1,300 ล้านคน ประกอบด้วยชนชั้นกลางรายได้ปานกลางถึงสูงกว่า 400 ล้านคน โดยช่วงไตรมาสสุดท้ายปีงบประมาณ 2564 กรมร่วมกับสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) อาทิ เมืองมุมไบ กรุงนิวเดลี เมืองเจนไน ในประเทศอินเดีย และกรุงธากา ในประเทศบังกลาเทศ ปรับตัวรับสถานการณ์โควิด-19 จัดกิจกรรมเจรจาการค้ารูปแบบออนไลน์เพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยขยายธุรกิจสู่ตลาดเอเชียใต้ต่อเนื่อง อาทิ โครงการผลักดันการค้าในตลาดเอเชียใต้ ผ่านสัมมนาออนไลน์

อีกงานคือโครงการ Thailand Week Online ในอินเดียตะวันตก เน้นผู้นำเข้าอินเดียตะวันตกทั้งเมืองหลักและเมืองรอง รวม 6 รัฐ ได้แก่ รัฐมหาราษฏระ คุชราต มัธยประเทศ กรณาฏกะ เกรละ และกัว คาดการณ์มูลค่าสั่งซื้อภายใน 1 ปี ประมาณ 640 ล้านบาท สินค้าที่ได้รับความสนใจ ได้แก่ อาหารพร้อมรับประทาน อาหารมังสวิรัติ ขนมขบเคี้ยว น้ำผลไม้ ผลไม้อบกรอบ ครีมทากันยุง สบู่และครีม น้ำมันอาบน้ำ น้ำหอมและโลชั่น รองเท้าแตะ ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็ก เป็นต้น โครงการ Thai-India Trade Connect 2021 คาดการณ์มูลค่าสั่งซื้อ 1 ปี ประมาณ 10.3 ล้านบาท

ทั้งนี้ ปีงบประมาณ 2565 เริ่มต้นเดือนตุลาคม กรมมุ่งมั่นเดินหน้าดำเนินโครงการส่งเสริมการค้าในตลาดเอเชียใต้ต่อเนื่อง โดยนอกเหนือจากกิจกรรม OBMต่างๆแล้ว ยังเตรียมแผนดำเนินโครงการอื่นๆ อาทิ งานแสดงสินค้า Top Thai Brands ณ เมืองปูเน่ อินเดีย และกรุงธากา บังกลาเทศ กิจกรรมส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าไทยผ่านช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่ร่วมกับซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำ รายใหม่ในอินเดีย เช่น Namdhari เป็นต้น