ดุสิตโพลเผย ประชาชน 32.94% มองพรรคเพื่อไทยจะได้คะแนนเสียงมากสุดหากมีการเลือกตั้ง ขณะที่ 28.67% อยากให้ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" เป็นนายกฯ
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณีความเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง กลุ่มตัวอย่าง 1,186 คน ระหว่างวันที่ 25-28 ตุลาคม 2564 พบว่า ประชาชนมองว่า การเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองต่างๆ ณ วันนี้ แสดงให้เห็นถึงความแตกแยกในพรรคการเมือง ร้อยละ 60.09 คิดว่า น่าจะมีการเลือกตั้ง ส.ส. ในต้นปี 2565 ร้อยละ 57.86 หากมีการเลือกตั้งใหม่ก็จะทำให้ได้เปลี่ยนรัฐบาล ร้อยละ 58.31
ถ้ามีการเลือกตั้งคิดว่า พรรคเพื่อไทยน่าจะได้คะแนนเสียงมากที่สุด ร้อยละ 32.94 รองลงมาคือ ก้าวไกล ร้อยละ 25.21 นายกรัฐมนตรีที่อยากได้ คือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ร้อยละ 28.67 รองลงมาคือ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ร้อยละ 21.27 โดยภาพรวมประชาชนคิดว่า ถึงเวลาแล้วที่จะเลือกตั้งใหม่ ร้อยละ 70.29
นางสาวพรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า การขยับตัวของพรรคการเมืองทั้งพรรคเล็กพรรคใหญ่ในช่วงนี้ ดูเหมือนจะเป็นการเตรียมตัวรับการเลือกตั้งใหม่ ที่อาจจะเกิดขึ้นไวกว่ากำหนดเดิม ถึงแม้ประชาชนจะมองว่า การเคลื่อนไหวของแต่ละพรรคในช่วงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความแตกแยกภายในพรรคและเป็นเพียงการสร้างกระแส แต่ก็ต้องยอมรับว่า ฝ่ายประชาชนเองก็ลุ้นอยากให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว กระแสของพรรคเพื่อไทยยังคงไปได้ด้วยดี แต่กระแสนายกฯ จากการสำรวจครั้งนี้กลับเป็นพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่มีกระแสดีมากขึ้น ต้องมารอดูกันว่า ถ้ามีการเลือกตั้งจะมีการเปลี่ยนขั้วการเมืองได้จริงหรือไม่ เพราะการเมืองเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และทุกความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองนั้น ก็อยู่ในสายตาของประชาชนเสมอ
อาจารย์ชมพูนุท วิริยะสุนทร อาจารย์ประจำโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองไทยในช่วงเวลานี้ เช่น การลงพื้นที่ การประกาศตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. การประกาศตัวว่าที่นายกรัฐมนตรี ล้วนเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงการยุบสภาและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ โดยความเคลื่อนไหวดังกล่าว เกิดขึ้นภายหลังจากที่รัฐสภามีมติเห็นชอบวาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. โดยกำหนดให้มีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แทนที่การใช้บัตรเลือกตั้งแบบ 1 ใบ รวมถึงมี ส.ส.แบบแบ่งเขต 400 คน (จากเดิม 350 คน) และมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน (จากเดิม 150 คน)
ถึงแม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจะออกมายืนยันว่า ไม่มีทางยุบสภา แต่การเมืองเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน ทุกสิ่งสามารถเกิดขึ้นได้ โดยตัวเร่งที่เป็นปัจจัยให้นายกรัฐมนตรีจะตัดสินใจยุบสภาคือ เหตุภายในสภาเรื่องความแตกแยกภายในพรรคพลังประชารัฐที่ยากเกินจะเยียวยา ความไร้เสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาล อุบัติเหตุทางการเมือง หรือเหตุภายนอกสภาที่อาจจะเป็นเหตุแทรกแซงได้ทุกเมื่อ