จากสถานการณ์ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตข้าวของเกษตรกรเพิ่มสูงขึ้น จนแทบไม่เหลือใช้จ่ายในครอบครัว แม้ว่าเกษตรกรจะเลือกที่จะผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวขายให้พ่อค้าซึ่งได้ราคาที่สูงกว่าราคาข้าวทั่วไปก็ตาม แต่ต้นทุนการผลิตก็สูงเช่นเดียวกัน อย่างเกษตรกรที่ตำบลนาลือ อำเภอเมือง จังหวัดชัยนาท ได้วอนผ่านสื่อขอให้รัฐบาลช่วยปรับลดราคาน้ำมัน ราคาปุ๋ยและมีนโยบายเจรจาค้าข้าวกับประเทศตะวันออกกลาง
นายนพพร ดีอ่วม ชาวนาตำบลนางลือ กล่าวว่า ทำนา 38 ไร่ พันธุ์ กข.41 เป็นข้าวพันธุ์ เกี่ยวไปแล้วคาดว่าราคาจะอยู่ที่ประมาณ 8,500 – 9,000 บาท/ตัน ราคานี้พออยู่ได้ แต่ต้องพยายามลดต้นทุนโดยทำเองให้มากที่สุด ถ้าจ้างทุกอย่างไม่เหลือ โดยเฉลี่ยต้นทุนการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว ไร่ละประมาณ 6,000 บาท เก็บเกี่ยวได้ข้าวเฉลี่ย 80 ถังต่อไร่ ที่เกี่ยวไป 38 ไร่ ได้ข้าว 34 ตัน ถือว่าพอได้ เพราะเป็นเมล็ดพันธุ์ ราคาไม่ต่ำกว่า 8,000 บาท/ตัน ถ้าทำนาขายโรงสีทั่วไปราคาอยู่ที่ 6,500 บาท/ตัน แต่เป็นนาหว่านที่ต้นทุนต่ำกว่า
สำหรับ ราคาข้าวยืนพื้นอยู่แบบนี้ตั้งแต่รัฐบาลชุดนี้เข้ามา แต่ต้นทุนพึ่งมาสูงช่วงนี้ เนื่องจากราคาปุ๋ย ยา และน้ำมันแพงขึ้น ส่งผลกระทบทันที ก่อนหน้านี้ต้นทุนต่อไร่อยู่ที่ 4,000 บาท เมื่อหักลบกลบหนี้จ่ายค่าปุ๋ย ค่ายา ค่าน้ำมัน ค่ารถเกี่ยว อะไรต่างๆ แล้ว เหลือน้อยลง ต้องเก็บไว้ทำทุนเพื่อทำนาคราวต่อไป เงินที่จะนำไปใช้จ่ายจึงไม่มี จะเห็นว่าที่ตลาดนัดซบเซาอยู่ขณะนี้เพราะชาวนาไม่มีเงินไปใช้จ่าย
สิ่งที่อยากฝากถึงรัฐบาลให้ช่วยเหลือ มาทางสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.ก็ได้ โดยช่วยเหลือเรื่องน้ำมันอาจกำหนดให้สมาชิกสหกรณ์ซื้อน้ำมันและปุ๋ยในราคาถูกเพื่อต้นทุนการผลิต นโยบายของรัฐบาลอยากให้ไปเจรจาค้าข้าวกับประเทศที่เขาไม่มีข้าว เช่นตะวันออกกลางเขาผลิตน้ำมัน แต่รัฐบาลกลับไปผูกสัมพันธ์กับประเทศที่เป็นคู่แข่งค้าข้าวกับไทย เขาก็จะไม่ซื้อข้าวเรา