พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น./โฆษก บช.น. เปิดเผยกรณีวันที่ 14 พ.ย. กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มทะลุฟ้า ร่วมกับกลุ่ม แนวร่วมหลายกลุ่มประกาศนัดหมายเพื่อชุมนุมฯ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยจะเริ่มในเวลา 15.00 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(ผบช.น.)จัดเตรียมกำลังพลและยุทโธปกรณ์ เพื่อเข้าดำเนินการรักษาความสงบ เรียบร้อยในการชุมนุมฯ ดังกล่าว โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติภายใต้กรอบกฎหมาย และคำนึงถึงความปลอดภัยของ ประชาชนเป็นหลัก สำหรับการปฏิบัติเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย ทั้งนี้การดำเนินการทางกฎหมาย ตั้งแต่เดือน ก.ค.2563 จนถึงปัจจุบันมีคดีที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมฯ ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ทั้งสิ้น 783 คดี สอบสวนเสร็จสิ้นและสั่งฟ้องไปแล้ว 385 คดี อยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวน 398 คดี

พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่าข้อห่วงใย บช.น. ขอย้ำเตือนไปยังผู้ที่คิดก่อเหตุความไม่สงบ และผู้ที่เข้าร่วมการชุมนุมฯ โดยผิดกฎหมายว่าหากมีการก่อเหตุสร้างความเสียหายสร้างความเดือดร้อนในบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเข้าไปดำเนินคดีกับผู้ที่ก่อเหตุดังกล่าวทุกราย และขอแจ้งเน้นย้ำว่าขณะนี้แม้กรุงเทพมหานครจะถูกปรับให้เป็นพื้นที่จังหวัด นำร่องด้านการท่องเที่ยวแล้วก็ตาม แต่การชุมนุมฯ หรือรวมกลุ่มทำกิจกรรมที่มีลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่โรคนั้น ยังคงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินฯ ฉบับที่13 ลงวันที่28 ต.ค.2564 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ

รองผบช.น. กล่าวอีกว่าสำหรับเส้นทางที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม ถนนราชดำเนินใน ถนนราชดำเนินกลาง ถนนราชดำเนินนอก ถนนหลวง(แยกหลานหลวง-แยกผ่านฟ้า)ถนนดินสอ และสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า โดยเส้นทางแนะนำประชาชน ทิศเหนือ ถนนสุโขทัย ถนนนครไชยศรี ถนนเศรษฐศิริ ถนนอำนวยสงคราม สะพานกรุงธน(ซังฮี้) สะพานพระราม 7 ทิศตะวันออก ถนนวิภาวดีรังสติ ถนนพหลโยธิน ถนนพระราม 5 ทางพิเศษศรีรัช ถนนสวรรคโลก ทิศใต้ ถนนวิสุทธิกษัตริย์ ถนนหลานหลวง ถนนบำรุงเมือง ถนนวรจักร ถนนเจริยกรุง ถนนเยาวราช ถนนพระราม 1 และถนนพระราม 4 ส่วนทิศตะวันตก ถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนบรมราชชนนี ถนนอรุณอัมรินทร์ สะพานพระราม 8สะพานพระพุทธยอดฟ้า และสะพานพระปกเกล้า