คืบหน้าภารกิจนำผู้บาดเจ็บออกมาสำเร็จ แต่ยังเหลือผู้ที่เสียชีวิตคือนายคฑาวุธ  กลมเกลียว พนักงานพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม และเจ้าหน้าที่ที่เข้าไป ภารกิจการนำศพออกมาคงต้องเป็นวันพรุ่งนี้  ส่วนลูกพี่ลูกน้อง จนท.พิทักษ์ป่า อช.เขาแหลม ไม่เชื่อว่าน้องจะฆ่าตัวตาย เพราะเพิ่งนัดจะมารับหลาย 2 คน กลับบ้านที่สุโขทัย 

วันนี้ 26 พ.ย. 2564 เวลา 18.50 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ให้สัมภาษณ์ว่า เราเพิ่งได้ตัวผู้ได้รับบดเจ็บออกมาและได้นำตัวตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลทองผาภูมิเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ถือว่าภารกิจนำผู้บาดเจ็บออกมาสำเร็จ แต่ยังเหลือผู้ที่เสียชีวิตคือนายคฑาวุธ  กลมเกลียว พนักงานพิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม และเจ้าหน้าที่ที่เข้าไป ภารกิจการนำศพออกมาคงต้องเป็นวันพรุ่งนี้ 

และจากการที่ได้พูดคุยกับคุณหมอเกี่ยวกับอาการของผู้บาดเจ็บทราบว่าจากการวัดชีพจร วัดความดัน วัดค่าออกซิเจนในเลือดอยู่ที่ประมาณ 98-100 ส่วนชีพจรและความดันเป็นปกติดีทุกอย่าง จึงไม่น่าจะมีปัญหาอะไร และขณะนี้ผู้บาดเจ็บถึงมือหมอแล้วอาการจึงปลอดภัย

สำหรับบาดแผลของผู้ได้รับบาดเจ็บพบมีการพันแผลเอาไว้ที่บริเวณใต้หัวเข่าขวา และที่บริเวณหน้าอก ซึ่งเราไม่ได้เปิดดู ซึ่งคุฯหมอบอกว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร สำหรับบาดแผลทั้ง 2 แห่งได้รับรายงานว่าโดนอาวุธมีดทั้ง 2 แห่ง ถามว่าอาวุธมีดถูกแทงเข้าส่วนสำคัญหรือไม่นั้นเรื่องนี้ต้องไปถามคุณหมอ

สำหรับวิธีการช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บนั้น ทางอุทยานฯได้มีการฝึกอบรมช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้ว ซึ่งผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก็ได้รับการอบรมมาเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้อื่นอยู่แล้ว จึงรู้ว่ามีขั้นตอนอะไรบ้าง ขั้นตอนแรกก็คือการห้ามเลือดบริเวณที่เป็นบาดแผลเพื่อให้เลือดหยุดไหล ทั้งหมดอยู่ในการประเมินของแพทย์ที่อยู่ด้านนอก ซึ่งเราใช้วิธีการด้วยการให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ในจุดเกิดเหตุขึ้นไปหาสัญญาณโทรศัพท์บนยอดเขาแล้วโทรลงมาแจ้งอาการของผู้บาดเจ็บให้หมอทราบ จากนั้นหมอก็จะแนะนำไปว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ซึ่งก็ถือว่าเป็นความโชคดีที่เจ้าหน้าที่ของเราได้ผ่านการอบรมกูชีพกู้ภัยมา จึงทำให้รู้วิธีดูแลผู้ได้รับบาดเจ็บ

สำหรับแผนการลำเลียงผู้เสียชีวิตออกมาจากจุดเกิดเหตุในวันพรุ่งนี้นั้น เราได้รับความอนุเคราะห์จากกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ในการสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ที่มีศักยภาพสามารถดึงผู้เสียชีวิตขึ้นมาบนเครื่องเพิ่มอีก 1 ลำ รวมทั้งสามารถดึงเจ้าหน้าที่ที่รออยู่ด้านล่างขึ้นมาได้นับ 10 คน 

ส่วนสาเหตุที่ต้องใช้ลอกดึงขึ้นมานั้นเป็นเพราะว่า ฮ.ไม่สามารถลงจอดได้ และจากการบินสำรวจพื้นที่ในรัศมี 5 กิโลเมตรพบว่าไม่มีจุดที่ ฮ.สามารถลงไปจอดได้เลย จึงต้องให้เจ้าหน้าที่เดินเท้าเข้าไปยังจุดเกิดเหตุเพื่อเคลียร์พื้นที่ให้โล่งซึ่งต้องใช้เวลาเดินเท้านานถึง 2 วัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ลอกดึงผู้เสียชีวิตและเจ้าหน้าที่ที่รออยู่ขึ้นมา สำหรับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บก็ถูกดึงขึ้นมาด้วยลอกเช่นกันเพราะทางคุณหมอประเมินแล้วว่าไม่สามารถแบกเดินกลับมาได้ เพราะระยะทางมันไกลและลำบากจึงเกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ผึ้ง (นามสมมุติ)ลูกพี่ลูกน้องกับนายนายคฑาวุธ  กลมเกลียว อายุ 35 ปี เจ้าพนักงานพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ที่ใช้อาวุธปืนยิงตนเองเสียชีวิต กล่าวด้วยความเศร้าโศกว่า ครั้งล่าสุดที่ได้คุยกันกับน้องคือวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยน้องโทรมาบอกกับตนว่าเขาจะกลับบ้านที่ จ.สุโขทัย และได้ชวนตนกลับบ้านไปด้วยกัน แต่ตอบตอบกลับไปว่ากลับไม่ได้เพราะติดงานอยู่และลางานไม่ได้ จากนั้นน้องก็บอกว่าจะขอเอาหลานกลับไปด้วย ตนก็บอกไปว่าให้มารับหลานได้เลยและให้หลายเตรียมตัวเอาไว้วันที่ 25 พ.ย.จะไปรับ

ซึ่งการที่น้องมาทำร้ายตัวเองนั้นตนเชื่อว่ามันเป็นไปไม่ได้ เพราะเพิ่งคุยกันอยู่เลยว่าวันที่ 25 พ.ย.จะมารับหลายกลับบ้านรวมทั้งคุยกันในเรื่องงาน ซึ่งก็มีอยู่บ้างที่น้องบอกว่าทำงานเหนื่อยก็แค่นั้นเองจึงไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่น้องจะทำร้ายตัวเอง

 และหากสามารถนำศพศพของน้องออกมาได้ก็ต้องนำไปพิสูจน์ว่าผลของการเสียชีวิตมันเป็นอย่างไร แต่ถ้าผลเป็นไปตามข่าวก็รับได้ แต่ถ้าไม่เป็นไปตามข่าวหนูก็รับไม่ได้ ซึ่งปกติน้องเป็นคนคุยเก่งรวมทั้งรักพี่รักน้องทุกคน และน้องยังมีลูกยังเล็กอยู่อีก 2 คน ซึ่งน้องรักลูกและเมียมาก และน้องยังบอกว่าจะเลี้ยงหลานทั้งสองรวมทั้งหนูด้วย ดังนั้นตนจึงไม่เชื่อเด็ดขาดว่าน้องมันจะฆ่าตัวตาย

 ซึ่งปืนพกน้องมันก็มี ถ้าน้องมันจะฆ่าตัวตายทำไมมันไม่ใช้ปืนพกของมัน และที่สำคัญน้องเพิ่งนัดว่าจะมารับหลายกลับบ้านที่สุโขทัยด้วย แล้วทำไมถึงมาทำแบบนี้ซึ่งมันแย้งกันเป้นอย่างมาก แต่หนูเพียงแค่สงสัยเฉยๆเพราะไม่อยากจะเชื่อ ถามว่าที่ผ่านมาคนเจ็บและผู้เสียชีวิตเคยมีปัญหาอะไรกันมาก่อนหรือไม่นั้น จากที่น้องเคยเล่าให้ฟังเขาก็เป็นเพื่อและคุยกันตามปกติ แต่ลึกๆแล้วตนก็ไม่รู้เพราะตนกับน้องทำงานคนละที่กัน” น.ส.ผึ้ง เผย

ทีมข่าวกาญจนบุรี