กรมชลประทาน จัดเจ้าหน้าที่ตรวจวัดค่าความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีนอย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมความเค็มไม่ให้รุกล้ำเข้าไปส่งผลกระทบต่อน้ำผลิตประปาและสวนไม้ผล  
นายทองเปลว กองจันทร์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ปัจจุบัน(15 ก.พ. 60) สถานการณ์น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ มีปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำรวมกันทั้งสิ้น 49,110 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 65 ของปริมาณน้ำในอ่างฯรวมกันทั้งหมด และมีปริมาณน้ำใช้การได้ 25,291 ล้านลูกบาศก์เมตร  
          กรมชลประทาน ได้วางแผนจัดสรรน้ำ เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำในช่วงฤดูแล้งปี 2559/60 ทั้งประเทศ เป็นจำนวนทั้งสิ้น 17,661 ล้านลูกบาศก์เมตร ผลการจัดสรรน้ำทั้งประเทศ ปัจจุบันมีการใช้น้ำไปแล้ว 10,080 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 57 ของแผนจัดสรรน้ำฯที่วางไว้ มีการเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว(ณ 8 ก.พ. 60) 6.99 ล้านไร่ มากกว่าแผนที่วางไว้ 2.99 ล้านไร่(แผนวางไว้ 4 ล้านไร่) ซึ่งพื้นที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในลุ่มน้ำเจ้าพระยา
          เฉพาะในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีการวางแผนใช้น้ำจาก 4 เขื่อนหลัก(เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ)รวมกันทั้งสิ้น 5,950 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยสำรองน้ำไว้ใช้ในช่วงต้นฤดูฝน 3,754 ล้านลูกบาศก์เมตร มีการเพาะปลูกข้าวนาปรังไปแล้ว 5.19 ล้านไร่ มากกว่าแผนที่วางไว้ 2.52 ล้านไร่ (แผนวางไว้ 2.67 ล้านไร่) ปัจจุบันมีการใช้น้ำไปแล้ว 3,557 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 60 ของแผนจัดสรรน้ำฯที่วางไว้ ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะบริหารจัดการน้ำให้มีปริมาณน้ำคงเหลือ ณ วันที่ 1 พ.ค. 60 ไม่น้อยกว่าแผนที่วางไว้
          สำหรับสถานการณ์ความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีน ขณะนี้เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว กรมชลประทาน ยังคงให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจวัดและเฝ้าระวังความเค็มในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำท่าจีนอย่างต่อเนื่องตลอดในช่วงฤดูแล้งนี้ เพื่อควบคุมความเค็มไม่ให้เกินค่ามาตรฐาน ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำประปาและสวนไม้ผลได้(ค่าความเค็มสำหรับผลิตประปาไม่เกิน 0.50 กรัมต่อลิตร และค่าความเค็มสำหรับไม้ผลไม่เกิน 2 กรัมต่อลิตร)