โทษหนัก!! กรมอุทยานฯสบอ. 3 (บ้านโป่ง) เตือนปปช. บริการให้เช่าเต็นท์นอน ในพื้นที่ผ่อนปรนตามมติครม. 30 มิ.ย.41 ในเขตอุทยานแห่งชาติฯโดยมิได้รับอนุญาต คุก 2 ปี ปรับ 2 แสน
วันนี้ 7 ธ.ค. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง )เปิดเผยว่า ตามที่ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้มีนโยบายทส.ยกกำลัง เอกซ์ โดยให้ปราบปรามนายทุนผู้บุกรุกป่าอย่างเด็ดขาด และให้มุ่งสร้างความมั่นคง ทางฐานทรัพยากร สู่ความมั่นคง ของชุมชนในระดับฐานราก ให้กินดีอยู่ดี มีรายได้มั่นคง มีเศรษฐกิจชุมชนที่ดี เพื่อความสุขของพี่น้องคนไทยทุกคน
จากนโยบายดังกล่าว นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายพีรวัฒิ สิโรตม์พิพัฒหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ นายสำราญ สุนทราลัย ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 3 บ้านบนเขาแก่งเรียง ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์จังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า อุทยานแห่งชาติเอราวัณ จำนวน 10 นาย ได้เดินทางไปที่บริเวณไร่ย่าแย้ม ในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ เนื้อที่ 44 ไร่ ของนางแย้ม พันธวงศ์ อายุ 79 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1บ้านบนเขาแก่งเรียง หมู่ที่ 3 ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็น พื้นที่ที่นางแย้มฯได้แจ้งการครอบครองขอผ่อนปรนให้อยู่อาศัยทำกินในเขตอุทยานแห่งชาติ ตามมติคณะรัฐมนตรี 30 มิถุนายน 2541อยู่ในแปลงพิสูจน์สิทธิ์(CN3) ตามบัญชีรายชื่อลำดับที่ 132 ซึ่งมติคณะมนตรี ดังกล่าว เป็นการช่วยเหลือราษฎรในท้องถิ่นที่ได้ครอบครองและอยู่อาศัยทำกินก่อนประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ หรือหลังประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ แต่ต้องอยู่อาศัยและทำกินก่อนปีพ.ศ. 2557 รวมทั้งต้องทำประโยชน์อย่างต่อเนื่อง และต้องไม่มีที่ดินทำกินที่อื่นอีกด้วย
โดยนายนิพนธ์ฯ ได้แจ้ง ให้นางแย้มฯทราบว่า พื้นที่ผ่อนปรนตามมติคณะมนตรี 30 มิถุนายน 2541 ในเขตอุทยานแห่งชาติ ไม่สามารถนำไปทำกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ ในพื้นที่ดังกล่าวได้ เช่นการให้เช่าเต็นท์พักแรม ฉะนั้น จะมีความผิด ตามพรบ. อุทยานแห่งชาติ 2562 มาตรา 19(6 )ห้ามมิให้ เข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ ในเขตอุทยานแห่งชาตินั้น จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะต้องถูกประกาศคำสั่งขับไล่ ตามมาตรา 35 (1) พรบ.อุทยานแห่งชาติ 2562 ขับไล่ไปให้พ้นจากเขตอุทยานแห่งชาติ หากฝ่าฝืน ไม่ยอมออกไปจากพื้นที่ มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000บาท หรือทั้งจำและปรับ และปรับอีกวันละไม่เกิน 1 หมื่นบาท จนกว่าจะออกไปพ้นจากเขตอุทยานแห่งชาติ
นอกจากนี้ นายนิพนธ์ฯยังแจ้งให้นางแย้มฯ ทราบเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันได้มี มาตรา 22 พรบ.อุทยานแห่งชาติ ฉบับใหม่ 2562 เปิดโอกาศให้ประชาชนทำกิจการการท่องเที่ยวที่เป็นประโยชน์ ในเขตอุทยานแห่งชาติได้แต่ต้องไม่ก่อเกิดความเสียหายอุทยานแห่งชาติ
และนายนิพนธ์ ฯ ยังได้ แจ้งให้นางแย้มฯ ทราบอีกว่าขณะนี้อนุบัญญัติของกฎหมาย และระเบียบดังกล่าว กำลังจะออกมาบังคับใช้ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อประชาชนอย่างยิ่ง หลังจาก อนุบัญญัติของกฎหมายและระเบียบดังกล่าวออกมาบังคับใช้แล้ว จึงจะสามารถดำเนินการขออนุญาตได้ หรืออีกกรณีหนึ่งฯต้องไปประสานกับหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ อาจขอให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเอราวัณ จัดทำเป็นเขตบริการ โดยต้องได้รับความเห็นชอบจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เสียก่อน และจะต้องได้รับการประชาคมจากชุมชน และประชาชนที่มีส่วนได้เสียด้วย
นายนิพนธ์ฯยังได้กล่าวเตือนนางแย้มฯว่า ณ.เวลานี้ หากยังไม่ได้รับอนุญาตดำเนินการ กิจการที่เป็นประโยชน์ในเขตอุทยานแห่งชาติ หากมีการฝ่าฝืน ก็จะมีความผิด ตามพรบ. อุทยานแห่งชาติ ดังกล่าวซึ่งมีโทษจำคุกและปรับ และถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ ด้วย นายนิพนธ์ฯกล่าว
ทีมข่าวกาญจนบุรี