แบกกันเห็นๆรถบรรทุกแม่ลูกหางพ่วงบรรทุกดินจนล้นกระบะ ผ้าคลุมกระบะก็ไม่มีให้เห็น ขับขนส่งมาในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จนถนนที่สร้างใหม่ได้เกือบ2 ปี พังเสียหาย เศษหินเศษทรายหล่นกองเต็มข้างถนนเป็นหลักฐานชัดให้เชื่อว่าสาเหตุจากเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฏหมายมองไม่เห็นการกระทำเย้ยกฏหมายจนเกิดเป็นธรรมเนียมพังก็ซ่อมไปกับการแก้ปัญหาปลายเหตุ 

เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 8 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากการร้องเรียนของผู้ใช้รถใช้ถนน ในจังหวัดระยอง แจ้งว่าพบรถบรรทุกสิบล้อขนส่งดินทรายและหิน วิ่งขนส่งแบกน้ำหนักเป็นประจำบนถนนสายบายพาส 36 ระยอง - ชลบุรี จุด 3 แยก สวนสมเด็จย่า ต.ทับมา อ.เมืองระยอง วิ่งเข้าสู่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง จนทำให้ถนนทางเข้านิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดที่เพิ่งสร้างเสร็จได้ประมาณ1 ปี เศษชำรุดเสียหายจึงลงพื้นที่ตรวจสอบ 

เมื่อไปถึงยังจุด3 แยกสวนสมเด็จย่า พบ รถบรรทุกสิบล้อมีหางพ่วง ขับบรรทุกดินจนล้นกระบะ แถมผ้าใบคลุมตามที่กฏหมาย พรบ.การขนส่งทางบกที่ได้ระบุไว้ก็ไม่มี กำลังขับเลี้ยวมุ่งหน้าเข้าไปทางนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด โดยพบว่าช่วงถนนสาย 363 หลัก กม.5 เขตเทศบาลเมืองมาบตาพุด กำลังมีการซ่อมแซมพื้นผิวถนน ในหลายจุด และยังพบว่ามีเศษหิน ดิน ทราย ตกกระจายเกลื่อนอยู่ริมทางถนนดังกล่าว จนเกิดความแปลกใจทั้งที่เป็นถนนสร้างใหม่ ซึ่งตรงกับคำร้องเรียนว่าสาเหตุมาจากการแบกน้ำหนักของบรรดารถบรรทุกที่แบกน้ำหนักเกินที่กฏหมายกำหนด 

จากการสอบถามคนงานที่มาซ่อมพื้นผิวถนน แจ้งว่าเป็นผู้รับเหมาทำถนนเส้นนี้ซึ่งในวันนี้มาซ่อมพื้นผิวถนนตามการรับประกันงานที่ก่อสร้างถนนมาได้เกือบจะ2 ปี และเมื่อสอบถามถึงสาเหตุที่ถนนเพิ่งสร้างได้ยังไม่ถึง 2 ปี ทำไมถนนที่สร้างใหม่ถึงได้พังเสียหายขนาดนี้ก็ได้รับแจ้งว่า ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากการแบกน้ำหนักของบรรดารถบรรทุกเป็นสาหตุหลัก 

อย่างไรก็ตามในสิ่งที่เกิดขึ้น อาจจะเป็นเพียงคำกล่าวอ้างของผู้ก่อสร้างถนนจึงอยากให้เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายลงพื้นที่ตรวจสอบในข้อเท็จจริง กลับภาพหลักฐานที่ปรากฏ อย่าปล่อยนิ่งนอนใจจนเกิดเป็นธรรมเนียมถนนพังก็ซ่อมไป ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเป็นการด่วนด้วยกับถนนแห่งอนาคต ที่ไม่รู้จะพังเสียหายเพิ่มเติมอย่างไรถ้าปล่อยให้มีปัญหาอย่างนี้เกิดขึ้น

ทีมข่าวระยอง