วันนี้ที่กองบัญชาการกองทัพบก พลเอก พิสิทธิ์ สิทธิสาร รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมสำนักเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
โดยที่ประชุมได้รับทราบถึงความคืบหน้าในการปฏิบัติงานของส่วนต่างๆ อาทิ การสกัดกั้น การกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติด ป่าไม้ เครื่องกระสุน การพนัน สินค้าหนีภาษี มีผลการจับกุม รวม 288ครั้ง ได้ผู้ต้องหา 666 คน ได้เข้าจัดระเบียบสังคม 1,042ครั้ง ใน 57จังหวัด มีผู้กระทำความผิด 307 คน นอกจากนี้ยังได้ร่วมกันปรับปรุงและฟื้นฟูแหล่งน้ำตามโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ เสร็จแล้ว 599โครงการ คืบหน้าร้อยละ 53รวมถึงการสร้างฝายชะลอน้ำ 57ฝาย ในพื้นที่ภาคเหนือ กำจัดผักตบชวาครอบคลุม 24จังหวัด ปริมาณ45,365 ลูกบาศก์เมตร
โดย รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้กล่าวถึงการทำงานของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ในขณะนี้ว่า ยังคงให้ความสำคัญกับการสร้างสภาวะแวดล้อม
ให้เกื้อกูลต่อการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลในทุกด้าน โดยเฉพาะเรื่องที่มีผลกับประชาชน ที่ปัจจุบันพบว่ายังคงมีประชาชนร้องเรียนถึงความเดือดร้อนในเรื่องต่างๆ อาทิ ทรัพยากรธรรมชาติ การพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมถึงระบบเศรษฐกิจ รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้กำชับให้กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย ดำรงความเข้มแข็งในการประสานงานและคลี่คลายข้อร้องเรียนอันเป็นความเดือดร้อนที่แท้จริงของประชาชนในระดับพื้นที่ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ความเดือดร้อนของประชาชนได้รับการแก้ไขโดยเร็วด้วยกลไกของภาครัฐ
อย่างไรก็ตามในปัจจุบันรัฐบาลกำลังเร่งขับเคลื่อนและพัฒนาประเทศภายใต้การทำงานของคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) คณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน (กขป.) และสำนักงานบริหารนโยบายของนายกรัฐมนตรี (PMDU) ซึ่งเป็นการ
บูรณาการร่วมกันเพื่อบริหารราชการแผ่นดินอย่างเป็นระบบใน 36 ประเด็นหลัก ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนการทำงานภายใต้กรอบดังกล่าว รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ได้กำชับให้ทุกส่วน โดยเฉพาะกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยในระดับพื้นที่ ได้ติดตามข้อมูลข่าวสารและความคืบหน้าของการขับเคลื่อนงานแบบบูรณาการดังกล่าว ในขณะเดียวกันให้ใช้กลไกที่มีอยู่ดำเนินกิจกรรมที่สอดคล้องกับงานสร้างความสามัคคีปรองดอง คู่ขนานกับในระดับนโยบายอย่างต่อเนื่อง
การประชุมในวันนี้ รองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ยังได้ระบุว่า ปัจจุบันมีการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่หลากหลาย บางส่วนอาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริง ซึ่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มีความห่วงใยต่อเรื่องดังกล่าว จึงขอแจ้งเตือนให้ประชาชนได้ใช้วิจารณญาณอย่างรอบด้านในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ในขณะเดียวกันคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
จะได้ใช้ทุกช่องทางในการนำเสนอข้อมูลที่เป็นจริงให้สังคมได้รับทราบ รวมทั้งการติดตามและป้องกันมิให้มีการนำเสนอข้อมูลที่บิดเบือน เพื่อให้การรับรู้ข้อมูลข่าวสารของสังคมเป็นไปอย่างถูกต้อง นำมาซึ่งความรักความสามัคคีและความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองต่อไป